Virtual Private Network หรือ VPN คืออะไร​

Virtual Private Network หรือ VPN คือคำที่ใช้เรียกระบบเครือข่ายส่วนตัวเสมือนคือเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยทั่วไป Virtual Private Network หรือ VPN จะซ่อนที่ตั้ง IP address ของผู้ใช้และเข้ารหัสข้อมูลที่ถูกส่งผ่านเครือข่าย ทำให้ข้อมูลเป็นปลอดภัยจากการถูกดักรับ การใช้ Virtual Private Network หรือ VPN มีประโยชน์หลายประการ เช่น การเพิ่มความปลอดภัยขณะใช้ Wi-Fi สาธารณะ การเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัด และการปกปิดตัวตนของผู้ใช้ แต่ควรระมัดระวังว่า Virtual Private Network หรือ VPN ไม่ใช่วิธีที่สมบูรณ์แบบในการปกปิดทุกปัญหาด้านความปลอดภัยและผู้ใช้ต้องรักษาความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังว่า Virtual Private Network หรือ VPN ไม่ใช่วิธีที่สมบูรณ์แบบในการปกปิดทุกปัญหาด้านความปลอดภัย และผู้ใช้ยังต้องรักษาความรับผิดชอบในการป้องกันข้อมูลส่วนตัวของตนเอง

เราสามารถใช้ VPN ทำอะไรบ้าง​

VPN สามารถใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ ยกตัวอย่าง เช่น การเข้าถึงเครือข่ายธุรกิจจากระยะไกล การข้ามการบล็อก การปกป้องความเป็นส่วนตัว การดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ หรือแม้แต่กระทั่ง การเข้าถึงเนื้อหาที่จำกัด นอกจากนี้ VPN ยังสามารถใช้ในการป้องกันไม่ให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ตรวจสอบประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้อย่างเป็นส่วนตัวมากขึ้น ตัวอย่างการใช้งาน VPN ในชีวิตจริง เช่นพนักงานที่ทำงานระยะไกลสามารถใช้ VPN เพื่อเข้าถึงข้อมูลและทรัพยากรต่างๆ ขององค์กรได้อย่างปลอดภัย ผู้ที่อยู่ต่างประเทศสามารถใช้ VPN เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์หรือบริการต่างๆ ของไทยที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในประเทศนั้นๆ เป็นต้น

แล้ว VPN ทำงานอย่างไร​

Virtual Private Network หรือ VPN ทำงานโดยการสร้างท่อ (tunnel) ความเชื่อมต่อที่ปลอดภัยกลายเป็นช่องทางส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ของผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ของ VPN ที่ตั้งอยู่ที่สถานที่ที่ต่างไป  ซึ่งกระบวนการนี้มีขั้นตอน ดังนี้

1. เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN : เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งาน VPN บนอุปกรณ์ของตน มีการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่ให้บริการ

2. สร้างท่อ (Tunnel) : เซิร์ฟเวอร์ VPN จะสร้างท่อ (tunnel) ที่ปลอดภัยผ่านอินเทอร์เน็ตระหว่างอุปกรณ์ของผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ ที่ทำให้ข้อมูลที่ถูกส่งผ่านไปมาระหว่างสองอุปกรณ์นั้นเป็นปลอดภัย

3. เข้ารหัส (Encryption) : ข้อมูลที่ถูกส่งผ่านท่อ VPN จะถูกเข้ารหัสเพื่อป้องกันการถูกดักรับหรือโจมตีจากระหว่างทาง

4. เปลี่ยนที่ตั้ง IP Address : VPN ทำให้ผู้ใช้มี IP address ที่แตกต่างจาก IP address ที่ได้รับจาก Internet Service Provider (ISP) ทำให้เป็นไปได้ที่จะปกปิดตัวตนและที่ตั้งทางฟิสิกส์

5. การเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย : VPN ทำให้อุปกรณ์ของผู้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายของเซิร์ฟเวอร์ VPN ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากขึ้น

ด้วยกระบวนการนี้ Virtual Private Network หรือ VPN ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้และช่วยให้สามารถเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ และใช้งานเครือข่ายอย่างปลอดภัยจากระยะไกล