ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI คืออะไร​

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI คือศาสตร์และเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการพัฒนาคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ทำงานให้สามารถดำเนินกิจกรรมที่ต้องการความคิด การเรียนรู้ และการทำงานที่มีความฉลาด เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้เหมือนหรือใกล้เคียงกับมนุษย์ได้มากที่สุด ตัวอย่างงานที่ AI สามารถทำได้รวมถึงการรู้จำ การวิเคราะห์ข้อมูล การเรียนรู้จากประสบการณ์ การแก้ปัญหา และการทำงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งทำให้ AI สามารถปรับปรุงและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองตลอดเวลา

AI จำแนกเป็น 3 ระดับตามความสามารถ​

1. ปัญญาประดิษฐ์เชิงแคบ (Narrow AI) คือระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานในงานหนึ่งหรือหลายงานที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยมีความสามารถจำกัดตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย

2. ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (General AI) คือระบบปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถและฉลาดเทียบเท่าหรือมากกว่ามนุษย์ สามารถทำทุกประเภทของงานที่มนุษย์สามารถทำได้ทั้งหมด

3.  ปัญญาประดิษฐ์แบบเข้ม (Strong AI) คือระบบปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการทำทุกประเภทของงานที่มนุษย์ทำได้ และมีความฉลาดที่เทียบเท่าหรือมากกว่ามนุษย์ทั้งหมดในทุกรายละเอียด

ทำไม A I ถึงเป็นเทรนด์ที่มาแรงในปัจจุบัน​

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ปัญญาประดิษฐ์หรือ A I เป็นเทรนด์ที่มาแรงในปัจจุบัน

1. เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลข้อมูล : A I มีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นี้ช่วยให้สามารถทำงานที่ต้องการการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่หรือซับซ้อนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี : การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีที่รวดเร็ว โดยเฉพาะการพัฒนาอัลกอริทึมและโมเดลการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ทำให้ A I มีความสามารถที่มากขึ้นและสามารถปรับปรุงตนเองได้

3. ข้อมูลมหาศาลที่มีอยู่ : การมีข้อมูลมหาศาลที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไปพร้อมกับความเข้าใจที่ดีขึ้นในการจัดการข้อมูลช่วยให้ A I สามารถเรียนรู้และทำนายได้ดีขึ้น

4. การพัฒนาซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ : มีการพัฒนาซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ที่สามารถรองรับการทำงานของ A I ได้มากขึ้น ทำให้มีโอกาสในการใช้งาน A I ในหลายแพลตฟอร์ม

5. การลงทุนจากภาครัฐและเอกชน : มีการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนในการวิจัยและพัฒนาทางด้าน AI มากขึ้น เนื่องจากมีการรู้เห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจและการปรับตัวของธุรกิจต่อ AI

6. การนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม : AI ได้รับการนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์ การผลิต การบริการลูกค้า การขนส่ง และอื่น ๆ ทำให้มีการยอมรับมากขึ้น

การเป็นเทรนด์ที่มาแรงนี้ส่งผลให้มีความสนใจและการวิจัยที่มากขึ้นในด้านนี้ และการนำ A I ไปใช้ในชีวิตประจำวันของคนได้มีการขยายตัวออกมามากขึ้น