Category
IoT (Internet of Things) คืออะไร
IoT เป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มากมาย ช่วยให้การทำงานต่างๆ มีประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่าย เพิ่มความปลอดภัย และสะดวกสบาย
14 ก.ค. 2566
IoT (Internet of Things) คืออะไร
อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things, IoT) เป็นแนวคิดที่กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในโลกดิจิทัลปัจจุบัน โดยหมายถึงการเชื่อมต่อและการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ที่ต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและดำเนินการต่าง ๆ ได้ทำงานร่วมกันเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องมีคนมากุมมือควบคุมโดยตรง หรือไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์ควบคุมการทำงานของแต่ละอุปกรณ์อย่างแท้จริง
ความหมายของ IoT คือการเชื่อมต่อทุกอย่างที่เป็นไปได้ เช่น เครื่องใช้ในบ้าน, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ยานพาหนะ, อาคาร, อุปกรณ์ทางการแพทย์, และอื่น ๆ เข้ากับอินเทอร์เน็ต เพื่อทำการส่งข้อมูล, รับข้อมูล, และกระทำอื่น ๆ ตามคำสั่งหรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ โดยความสามารถในการเชื่อมต่อเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตของเรา และสามารถใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น การอัตโนมัติในบ้าน, การติดตามสถานะของอุปกรณ์, การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต, และนำเสนอบริการหรือสิ่งของใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและชีวิตประจำวันของเรา
เทคโนโลยี IoT (Internet of Things) คือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อและสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ที่เป็นสิ่งของ (Things) ที่ไม่ใช่คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ด้วยกันผ่านระบบเครือข่าย เพื่อให้สามารถรับส่งข้อมูลและสั่งการกันได้โดยอัตโนมัติ โดยการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น เซ็นเซอร์, ระบบเครือข่ายไร้สาย, คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่, ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation), ระบบรูปแบบหมายเลขไอพี (IP), และอื่น ๆ ที่ช่วยให้อุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อเป็นระบบเพื่อทำงานร่วมกันได้.
หลักการของ IoT คือการที่อุปกรณ์และสิ่งของต่าง ๆ สามารถส่งข้อมูลไป-กลับกับอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้หรือระบบควบคุมสามารถติดตามและควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นผ่านอินเทอร์เน็ตที่เปิดให้ใช้งานได้ตลอดเวลา การทำให้อุปกรณ์เหล่านี้สามารถเชื่อมต่อกันทำให้เกิดโอกาสใหม่ในการใช้งานและการนำเสนอบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการอัตโนมัติในชีวิตประจำวัน, การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต, และการให้บริการที่ยืดหยุ่นและปรับตามความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

IoT ทำงานโดยอาศัยกระบวนการต่อไปนี้
รวมถึงเซ็นเซอร์และอุปกรณ์ต่อเข้าระบบ: อุปกรณ์ IoT มากมายที่ใช้ในแต่ละสถานะของเทคโนโลยีนั้นส่วนใหญ่จะมีเซ็นเซอร์ (Sensors) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับสภาพแวดล้อมหรือข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงอุปกรณ์ต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต (Connectivity Devices) เช่น มายโครคอนโทรลเลอร์, โมดูลเชื่อมต่อเครือข่าย, หรือชิป RFID เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงข่าย IoT ได้.
ส่งข้อมูลไปยังระบบ Cloud หรือ Edge Server: เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับข้อมูลหรือสถานะต่าง ๆ อาจจะส่งข้อมูลไปยังระบบ Cloud (คลาวด์) หรือ Edge Server (เซิร์ฟเวอร์ใกล้ระบบ) เพื่อประมวลผลและเก็บข้อมูล ซึ่งทำให้เป็นไปได้ว่าข้อมูลที่รับมาจะถูกจัดเก็บไว้ในพื้นที่ที่เหมาะสมและสามารถนำไปใช้งานต่อได้.
ประมวลผลและการตัดสินใจ: ในขั้นตอนนี้ระบบจะทำการประมวลผลข้อมูลที่ได้รับจากเซ็นเซอร์เพื่อนำมาวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล ซึ่งอาจเป็นการคำนวณ, การตรวจสอบเงื่อนไข, หรือการนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่มีอยู่ก่อนหน้า เพื่อให้ระบบทำการตัดสินใจที่เหมาะสม.
การส่งคำสั่งกลับไปยังอุปกรณ์: หลังจากที่ระบบได้ประมวลผลและตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว อาจจะมีการส่งคำสั่งกลับไปยังอุปกรณ์ IoT เพื่อทำงานในทางที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น การเปิดหรือปิดอุปกรณ์, การทำงานในโหมดเซลฟีน, หรืออื่น ๆ ตามที่ระบบได้กำหนดไว้.
การทำงานอัตโนมัติ: อุปกรณ์ IoT มีความสามารถในการทำงานอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่าไม่จำเป็นต้องมีคนควบคุมโดยตรง ระบบจะสามารถทำงานได้เองตามข้อมูลและเงื่อนไขที่ได้รับมา โดยสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมหรือสถานะที่เปลี่ยนแปลงได้โดยอัตโนมัติเพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
ตัวอย่างของอุปกรณ์ IoT มีอย่างมากและหลากหลายในทุกด้านของชีวิต นี่คือบางตัวอย่างที่คุณอาจเจอในชีวิตประจำวัน:
สมาร์ทโฮม (Smart Home) อุปกรณ์: เช่น หลอดไฟสมาร์ท, ตัวควบคุมอัตโนมัติสำหรับเครื่องปรับอากาศ, ตัวควบคุมระบบอัจฉริยะที่สามารถควบคุมและจัดการไฟ อุณหภูมิ, และระบบควบคุมสำหรับหลายอุปกรณ์ในบ้านเช่น แอปพลิเคชันสมาร์ทโฮม หรือสมาร์ทฮับ
เครื่องสแกน (Scanner) และอุปกรณ์กำหนดเส้นทาง: เช่น กล้อง CCTV สำหรับกล้องตรวจจับการเคลื่อนไหว, กล้องติดรถยนต์, ระบบติดตามตำแหน่ง GPS สำหรับยานพาหนะและอุปกรณ์ต่าง ๆ
เครื่องใช้ในครัว: เช่น ตู้เย็นสมาร์ท, เครื่องชงกาแฟสมาร์ท, อุปกรณ์สำหรับการตรวจวัดน้ำหนักและอุณหภูมิของอาหาร
เครื่องมือการแย่งชิ้นงาน (Wearable Devices): เช่น นาฬิกาสมาร์ท, แว่นตาสมาร์ท, เข็มขัดสมาร์ท, และสายรัดสำหรับการตรวจสอบสุขภาพและกิจกรรมทางร่างกาย
อุปกรณ์ทางการแพทย์: เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต, เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด, เครื่องฉีดยาอัตโนมัติ, และเครื่องช่วยการหายใจ
รถยนต์อัจฉริยะ: เช่น รถยนต์ไฟฟ้าสมาร์ท, รถยนต์ที่มีระบบนำทาง GPS และระบบควบคุมอื่น ๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ
เม้าส์และคีย์บอร์ดที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: ที่ใช้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์หรือคอมพิวเตอร์พกพาโดยใช้แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ
โครงข่ายอัตโนมัติ: อุปกรณ์ IoT ที่ช่วยตรวจจับและควบคุมการจราจรและระบบจัดการเมือง ทั้งโครงข่ายการจราจรสาธารณะ, โครงข่ายการจราจรในการเดินทางในเมือง, และระบบสาธารณูปโภคอื่น ๆ
เกษตรอัจฉริยะ: อุปกรณ์ที่ช่วยในการติดตามสภาพอากาศ, การเกษตรแบบอัตโนมัติ และระบบน้ำอัตโนมัติ
ระบบควบคุมอัตโนมัติในอุตสาหกรรม: ที่มีการใช้เซ็นเซอร์และอุปกรณ์ IoT เพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมในอุตสาหกรรม และประสานการทำงานของเครื่องจักร
นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กน้อยของอุปกรณ์ IoT ที่มีในชีวิตประจำวันของเรา และยังมีอีกมากมายที่นำมาใช้ในหลายสาขาอุตสาหกรรมและ

IoT มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไรบ้าง
IoT มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างมากมาย ซึ่งเป็นเหตุผลที่นำมาใช้ในหลายสาขาอุตสาหกรรมและธุรกิจต่าง ๆ นี่คือบางประโยชน์ที่ IoT นำเสนอให้กับธุรกิจ:
การติดตามและควบคุมข้อมูลแบบเรียลไทม์: IoT ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามและควบคุมข้อมูลและกระบวนการต่าง ๆ ในเวลาเกือบเรียลไทม์ ทำให้ธุรกิจมีข้อมูลในการตัดสินใจที่แม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น
ควบคุมอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพ: IoT ช่วยให้ธุรกิจสามารถควบคุมกระบวนการการผลิตและการทำงานอื่น ๆ อัตโนมัติ ทำให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานและลดการล่าช้า
บริการและประสิทธิภาพในการบำรุงรักษา: ในสายงานอุตสาหกรรมและบริการเชิงเทคนิคอื่น ๆ IoT ช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็วและอัตโนมัติ ช่วยลดความเสียหายและควบคุมการบำรุงรักษาได้มากขึ้น
พัฒนาบริการและประสิทธิภาพในการให้บริการ: สำหรับธุรกิจเชิงบริการ IoT ช่วยให้สามารถให้บริการที่ยืดหยุ่นและปรับตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการติดตามสินค้าที่ส่งออก, การตรวจสอบสถานะการใช้งานของอุปกรณ์, หรือการให้บริการทางการแพทย์และสุขภาพผ่านอินเทอร์เน็ต
การสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่: IoT ช่วยส่งเสริมการสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความสามารถใหม่ ๆ ที่มากขึ้น และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด
พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่: IoT ส่งเสริมให้ธุรกิจสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นจากการรวมกันระหว่างธุรกิจต่าง ๆ เช่น บริการตลาดเชิงพื้นที่, ระบบตัวแทนค้าประจำที่สามารถติดตามข้อมูลการขายและความต้องการของลูกค้าได้
การอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการอุตสาหกรรม: IoT ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำงานอย่างอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตและการดำเนินงาน ทำให้การผลิตที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วและมีความแม่นยำกว่า
บริการควบคุมและเก็บข้อมูลใหม่ๆ: IoT ช่วยให้ธุรกิจสามารถควบคุมและเก็บข้อมูลใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการต่างๆ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงสินค้าและบริการให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า
สรุปแล้ว IoT มีประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมและพัฒนากระบวนการการผลิต, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, การเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ, และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนาธุรกิจต่างๆ
Latest articles
stay in the loop