Category

เปลี่ยนผลลัพธ์ Usability Testing ให้เป็นสุดยอดสินค้า 6 ขั้นตอนง่ายๆ สู่สินค้าที่ใช้งานง่าย

มาทำความรู้จักกับ Usability Testing ซึ่งเป็นกระบวนการทดสอบที่สำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

28 มิ.ย. 2567

จากการทดสอบสู่การพัฒนา: วิธีใช้ผลลัพธ์จาก Usability Testing ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เคยไหม? สินค้าดี ฟีเจอร์ครบ แต่ทำไมผู้ใช้ไม่ประทับใจ? ลองใช้ "Usability Test" วิธีทดสอบที่ช่วยให้เข้าใจผู้ใช้จริง ค้นหาจุดอ่อน ปรับแก้สินค้าให้ใช้งานง่าย ตรงใจ ตอบโจทย์

Usability Test คืออะไร? เปรียบเสมือนการสวมรองเท้าของผู้ใช้ สังเกตพฤติกรรม วิเคราะห์ปัญหา ปรับแก้สินค้าให้ใช้งานง่าย ลื่นไหล เพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ พร้อมไหมที่จะเปลี่ยนสินค้าธรรมดาให้กลายเป็น "ดาวเด่น" ในใจผู้ใช้ เริ่มต้น "Usability Test" ได้เลย!

Usability Testing คืออะไร? เปิดประตูสู่ใจผู้ใช้ พัฒนาสินค้าให้ตรงใจ

Usability Testing คือการทดสอบการใช้งานของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้สามารถใช้ได้ง่ายและสะดวก วิธีการนี้ช่วยให้เราเข้าใจว่าอะไรทำให้ผู้ใช้สับสนหรือติดขัด และนำข้อมูลนั้นมาปรับปรุงเพื่อให้ประสบการณ์ของผู้ใช้ดียิ่งขึ้น

คิดง่าย ๆ ว่ามันเหมือนกับการให้เพื่อนลองใช้เว็บไซต์หรือแอปฯ ของเรา แล้วดูว่าเขาติดปัญหาตรงไหน หรือทำอะไรไม่ถูกต้อง แล้วเราก็จะนำฟีดแบ็คของเขามาปรับปรุงให้ดีขึ้น

ในการทำ Usability Testing เราจะมีการตั้งเป้าหมายว่าเราต้องการทดสอบอะไร อาจจะเป็นการเช็คว่าเมนูต่าง ๆ ใช้งานง่ายหรือไม่ หรือผู้ใช้สามารถทำตามขั้นตอนที่เราวางไว้ได้หรือเปล่า โดยทั่วไปจะมีการเลือกกลุ่มผู้ใช้ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเรา แล้วให้เขาลองใช้งานและบอกความคิดเห็น


"Usability Testing" 6 ขั้นตอนง่ายๆ สู่สินค้าที่ "ใช้งานง่าย"

Usability Testing เปรียบเสมือนการสวมรองเท้าของผู้ใช้จริง ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรม ค้นหาจุดอ่อน ปรับแก้สินค้าให้ตรงใจ เพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ

มาดู 6 ขั้นตอนง่ายๆ ในการทำ Usability Testing กันครับ

  1. กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์

    ก่อนอื่นเราต้องรู้ว่าต้องการทดสอบอะไร อาจจะเป็นการทดสอบฟังก์ชันการทำงานของเว็บไซต์หรือแอปฯ หรือการตรวจสอบความง่ายในการใช้งานของระบบบางส่วน เช่น การสมัครสมาชิกหรือการค้นหาข้อมูล

  2. เลือกกลุ่มเป้าหมาย

    เลือกผู้ใช้ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ ของเรา อาจจะเป็นกลุ่มผู้ใช้ที่มีอายุ เพศ หรือความสนใจที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยให้เราได้ข้อมูลที่ตรงตามความเป็นจริง

  3. ออกแบบการทดสอบ

    สร้างงานหรือกิจกรรมที่ต้องการให้ผู้ใช้ทำ เช่น ให้ผู้ใช้ลองสมัครสมาชิก ค้นหาสินค้า หรือทำการชำระเงิน เพื่อดูว่าพวกเขามีปัญหาหรือข้อสงสัยตรงไหน

  4. ดำเนินการทดสอบ

    เราอาจทำการทดสอบในห้องแล็บที่มีการบันทึกวิดีโอการใช้งาน หรือใช้โปรแกรมที่สามารถบันทึกหน้าจอและการคลิกของผู้ใช้ โดยทั่วไปจะให้ผู้ใช้ทำงานตามที่ออกแบบไว้ แล้วเราจะคอยสังเกตและจดบันทึกปัญหาที่พบ

  5. วิเคราะห์ผลการทดสอบ

    หลังจากได้ข้อมูลการทดสอบแล้ว เราจะมาวิเคราะห์ว่าผู้ใช้มีปัญหาตรงไหนบ้าง และปัญหานั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือไม่ ข้อมูลนี้จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมว่ามีส่วนไหนของระบบที่ต้องปรับปรุง

  6. ปรับปรุงและทดสอบใหม่

    นำผลการวิเคราะห์ไปปรับปรุงเว็บไซต์หรือแอปฯ แล้วทำการทดสอบอีกครั้งเพื่อดูว่าการแก้ไขนั้นช่วยให้การใช้งานดีขึ้นหรือไม่ กระบวนการนี้จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราพัฒนาอย่างต่อเนื่องและให้ประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นกับผู้ใช้

การทำ Usability Testing อาจฟังดูเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าเราทำเป็นขั้นตอนแบบนี้ มันจะเป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ามาก


เปลี่ยนผลลัพธ์ "Usability Testing" ให้เป็นสุดยอดสินค้า

Usability Testing เปรียบเสมือนขุมทรัพย์แห่งข้อมูลที่รอการขุดเจอ วิเคราะห์ผลลัพธ์อย่างชาญฉลาด นำไปพัฒนาสินค้าให้ "ใช้งานง่าย" ตรงใจผู้ใช้ เพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ

มาดู 3 วิธีใช้ผลลัพธ์จาก Usability Testing ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกันครับ

  1. ระบุปัญหาและจุดอ่อน

    วิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาปัญหาที่ผู้ใช้พบเจอ จุดอ่อนของสินค้า ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สับสนกับขั้นตอนการใช้งาน ฟีเจอร์บางอย่างใช้งานยาก

  2. Prioritize ปัญหา

    เรียงลำดับความสำคัญของปัญหา แก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้มากที่สุดก่อน เช่น การแก้ไขขั้นตอนการใช้งานให้เข้าใจง่าย ปรับฟีเจอร์ให้ใช้งานง่าย

  3. ออกแบบและพัฒนา

    นำผลลัพธ์มาออกแบบและพัฒนาสินค้า แก้ไขจุดบกพร่อง ปรับปรุงฟีเจอร์ เช่น การปรับปรุงหน้าจอให้ใช้งานง่าย เพิ่มคำแนะนำที่ชัดเจน พัฒนาฟีเจอร์ใหม่

Usability Testing เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทาง สินค้าที่ "ใช้งานง่าย" ตรงใจผู้ใช้ ย่อมมีผู้ใช้งานมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ

สรุปคือ

Usability Testing เป็นการทดสอบที่สำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้ในการใช้งานผลิตภัณฑ์ เมื่อทราบปัญหาจากการทดสอบ เราสามารถปรับปรุงอินเทอร์เฟซหรือฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้มีประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นได้อย่างทันท่วงที เช่น การเปลี่ยนแปลงการจัดวางหน้าจอหรือการปรับปรุงกระบวนการการทำงาน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างเหมาะสม

stay in the loop

Subscribe for our latest update.