Category
5 ระบบการขนส่งสินค้า หรือ Transportation System
เสริม ผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละรูปแบบการขนส่งก่อนตัดสินใจเลือก
24 เม.ย. 2567
ระบบการขนส่งสินค้า หรือ Transportation System
ระบบการขนส่งสินค้า หรือ Transportation System คืออะไร
ระบบการขนส่งสินค้า หรือ Transportation System หมายถึง กระบวนการเคลื่อนย้ายสินค้า วัตถุดิบ ชิ้นส่วน ส่วนประกอบ งานระหว่างทํา (Work in Process) และสินค้าสาเร็จรูป ไปยังสถานที่ต่างๆ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่แหล่งผลิต ไปยังคลังสินค้า ไปยังตัวแทนจำหน่าย ไปจนถึงมือผู้บริโภคปลายทาง
วัตถุประสงค์ ของระบบการขนส่งสินค้ามีดังนี้
เพื่อส่งมอบสินค้าให้ถึงมือลูกค้า ตรงเวลา ถูกต้อง และสภาพสมบูรณ์
เพื่อลดต้นทุน ในการขนส่งสินค้า
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ของห่วงโซ่อุปทาน
เพื่อตอบสนองความต้องการ ของลูกค้า

หน้าที่หลักและรูปแบบของการขนส่งสินค้าแบบต่างๆ
หน้าที่หลักของการขนส่งสินค้ามีดังนี้
การส่งมอบสินค้าให้ถึงมือลูกค้า ตรงเวลา ถูกต้อง และสภาพสมบูรณ์
เพื่อลดต้นทุน ในการขนส่งสินค้า
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ของห่วงโซ่อุปทาน
เพื่อตอบสนองความต้องการ ของลูกค้า
รูปแบบของการขนส่งสินค้า
รูปแบบของการขนส่งสินค้าที่พบบ่อย มีดังนี้
1. การขนส่งทางรถยนต์
เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าระยะสั้น-ระยะกลาง
มีความยืดหยุ่นสูง สามารถเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ได้
มีข้อเสียคือ กินน้ำมันมลพิษ และอาจติดขัดการจราจร
2. การขนส่งทางรถไฟ
เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าระยะไกล
มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดน้ำมัน
มีข้อเสียคือ ความยืดหยุ่นต่ำ และเข้าถึงพื้นที่ได้จำกัด
3. การขนส่งทางน้ำ
เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าระยะไกล
มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดน้ำมัน
มีข้อเสียคือ ใช้เวลานาน และเข้าถึงพื้นที่ได้จำกัด
4. การขนส่งทางอากาศ
เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าด่วน
มีความรวดเร็ว
มีข้อเสียคือ มีค่าใช้จ่ายสูง และจำกัดขนาดและน้ำหนักของสินค้า
5. การขนส่งแบบมัลติโมดัล
เป็นการผสมผสานวิธีการขนส่งสินค้าหลายประเภทเข้าด้วยกัน
เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
ตัวอย่างการขนส่งแบบมัลติโมดัล เช่น การขนส่งสินค้าจากกรุงเทพฯ ไปยังนิวยอร์ก โดยใช้รถบรรทุกขนส่งสินค้าจากกรุงเทพฯ ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง จากนั้นใช้เรือขนส่งสินค้าจากท่าเรือแหลมฉบังไปยังท่าเรือนิวเจอร์ซีย์ และสุดท้ายใช้รถบรรทุกขนส่งสินค้าจากท่าเรือนิวเจอร์ซีย์ไปยังนิวยอร์ก

การเปรียบเทียบและเลือกรูปแบบการส่งส่งสินค้าที่เหมาะสม
ในการเลือกรูปแบบการขนส่งสินค้าที่เหมาะสม จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
1. ประเภทของสินค้า
สินค้าประเภทอาหารสด ควรใช้ระบบการขนส่งที่มีอุณหภูมิควบคุม เช่น รถห้องเย็น หรือตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิ
สินค้าประเภทเครื่องจักรกล ควรใช้ระบบการขนส่งที่มีความปลอดภัยสูง เช่น รถบรรทุกที่มีระบบกันกระแทก
สินค้าประเภทวัตถุดิบ ควรใช้ระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น เรือหรือรถไฟ
สินค้าประเภทของเหลว ควรใช้ระบบการขนส่งที่มีความมั่นคง ป้องกันการรั่วไหล เช่น ถังบรรจุ
สินค้าประเภทอันตราย ควรใช้ระบบการขนส่งที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง เช่น รถบรรทุก ADR
2. ระยะทาง
ระยะทางสั้น (น้อยกว่า 200 กิโลเมตร) เหมาะกับการขนส่งทางรถยนต์
ระยะทางปานกลาง (200-500 กิโลเมตร) เหมาะกับการขนส่งทางรถยนต์ หรือรถไฟ
ระยะทางไกล (มากกว่า 500 กิโลเมตร) เหมาะกับการขนส่งทางรถไฟ เรือ หรือเครื่องบิน
3. งบประมาณ
การขนส่งทางรถยนต์ มักมีค่าใช้จ่ายสูงที่สุด
การขนส่งทางรถไฟ มักมีค่าใช้จ่ายปานกลาง
การขนส่งทางเรือ มักมีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด แต่ใช้เวลานาน
การขนส่งทางอากาศ มักมีค่าใช้จ่ายสูงที่สุด แต่รวดเร็วที่สุด
4. ระยะเวลา
ต้องการความรวดเร็ว ควรเลือกการขนส่งทางอากาศ
มีเวลาพอสมควร may choose between other modes of transportation.
5. บริการเสริม
ต้องการบริการติดตามสินค้า ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีระบบติดตามสินค้า
ต้องการบริการขนส่งถึงหน้าบ้าน ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีบริการขนส่งถึงหน้าบ้าน
ต้องการบริการประกันสินค้า ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีบริการประกันสินค้า
สรุป
การเลือกรูปแบบการขนส่งสินค้าที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของสินค้า ระยะทาง งบประมาณ ระยะเวลา และบริการเสริม ผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละรูปแบบการขนส่งก่อนตัดสินใจเลือก
Latest articles
stay in the loop