Category
2 รูปแบบ ในการทำ SEM อย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกใช้รูปแบบ SEM SEO ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการวิจัย ความซับซ้อนของโมเดลที่ต้องการสร้าง และลักษณะของข้อมูลที่มีอยู่
2 ส.ค. 2566
SEM (Search Engine Marketing) คืออะไร
SEM (Search Engine Marketing) เป็นกลยุทธ์การตลาดทางดิจิตอลที่ใช้เครื่องมือและเทคนิคต่าง ๆ เพื่อประสิทธิภาพในการโฆษณาและส่งเสริมยอดขายผ่านการค้นหาในเครื่องมือค้นหาออนไลน์ เช่น กูเกิล บิง หรือ ยูเซีย (Yahoo) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ในการค้นหาข้อมูลและสินค้าที่ต้องการอยู่บ่อยครั้งในชีวิตประจำวัน
ความสำคัญของ SEM นับว่าสูงมากในโลกดิจิทัลเนื่องจากสามารถช่วยให้ธุรกิจ หรือองค์กรต่าง ๆ มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการแข่งขันในตลาดออนไลน์ได้มากขึ้น การใช้ SEM ช่วยให้ธุรกิจสามารถแสดงโฆษณาของตนต่อกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ และเพิ่มโอกาสในการกดเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งในตอนต่อมาอาจเปลี่ยนเป็นการเปิดการซื้อขายทันทีหรือการกระทำอื่น ๆ ที่ต้องการจากผู้ใช้งาน

2 รูปแบบหลักในการทำ SEM
SEM มีสองส่วนหลัก ประกอบไปด้วย
Pay-Per-Click (PPC)
Pay-Per-Click (PPC) เป็นโฆษณาออนไลน์ที่ธุรกิจหรือผู้โฆษณาจ่ายเงินในแต่ละครั้งที่มีผู้คลิกเข้าไปที่โฆษณาของพวกเขา กลยุทธ์นี้ใช้เครื่องมือค้นหาออนไลน์เช่น กูเกิล (Google) Ads หรือบิง (Bing) Ads เพื่อแสดงโฆษณาบนหน้าผลการค้นหาหรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาที่ผู้โฆษณากำหนดไว้ โดยมีตัวเลือกที่คล้ายกันกับโฆษณาทั่วไป แต่มีความเฉพาะเจาะจงในเรื่องของการเรียกเก็บค่าบริการตามจำนวนครั้งที่ผู้คลิกเข้าไปที่โฆษณานั้น ๆ
วิธีการทำงานของ PPC คือ ผู้โฆษณาจะกำหนดคีย์เวิร์ดหรือวลีที่ต้องการให้โฆษณาของพวกเขาปรากฏบนหน้าผลการค้นหา เมื่อมีผู้ใช้งานทำการค้นหาโดยใช้คำค้นหาที่สอดคล้องกับคีย์เวิร์ดหรือวลีที่กำหนด โฆษณาจะปรากฏอยู่บนหน้าผลการค้นหาดังกล่าว ซึ่งผู้ใช้งานมีโอกาสเห็นและคลิกเข้าไปที่โฆษณานั้น ๆ
โดยเมื่อมีผู้คลิกเข้าไปที่โฆษณา ผู้โฆษณาจะต้องจ่ายค่าคลิก (Cost Per Click - CPC) หรือค่าเงินตามจำนวนครั้งที่โฆษณาถูกคลิก การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเป็นระบบ Pay-Per-Click นี้ทำให้ผู้โฆษณาสามารถควบคุมงบประมาณการโฆษณาได้ดีและได้ผลตอบรับเชิงบวกอย่างตรงต่อกับการส่งเสริมการค้นหาสินค้าหรือบริการของพวกเขา ซึ่งเป็นที่นิยมในกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่เน้นที่การนำเสนอโฆษณาให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
Search Engine Optimization (SEO)
Search Engine Optimization (SEO) เป็นกระบวนการปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการเว็บไซต์หรือเนื้อหาในเว็บไซต์เพื่อให้เข้ากับเครื่องมือค้นหาออนไลน์เช่น กูเกิล (Google) และบิง (Bing) ซึ่งทำให้เว็บไซต์มีโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหาที่สูงขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาเจอข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายและตรงไปตามความต้องการ
SEO มีหลักการทำงานอยู่ในรูปแบบของเครื่องมือค้นหา ซึ่งจะนำเสนอผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหาของผู้ใช้งาน โดย SEO จะหาส่วนประกอบที่มีอยู่ในเว็บไซต์ ตั้งแต่เนื้อหา และโครงสร้างเว็บไซต์ ไปจนถึงเชื่อมโยงกับเว็บไซต์อื่น ๆ ซึ่งสามารถช่วยให้เว็บไซต์ได้รับความนิยมและความน่าเชื่อถือจากเครื่องมือค้นหามากขึ้น
ข้อได้เปรียบอื่น ๆ ของ SEO คือ:
การค้นหาและเลือกคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
การปรับแต่งเนื้อหาในเว็บไซต์ให้ตรงกับคำค้นหาที่เป้าหมาย
การสร้างเชื่อมโยงภายนอกจากเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
การเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์
การให้บริการที่เพื่อนร่วมค้นหาเกิดสิ่งที่มีค่าในเว็บไซต์ของคุณ (user experience)
การทำ SEO มีความสำคัญอย่างมากในโลกออนไลน์ขณะนี้ เนื่องจากมีผู้ใช้งานค้นหาและใช้เครื่องมือค้นหาในชีวิตประจำวันอย่างกว้างขวาง การปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อให้เข้ากับเครื่องมือค้นหาอย่างถูกต้องและมีความเป็นมืออาชีพจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับธุรกิจที่ต้องการเปิดตัวและเติบโตในโลกดิจิทัลขณะนี้
ทั้งสองส่วนนี้มีบทบาทที่สำคัญในการสร้างความรู้จักและควบคุมการแสดงโฆษณาของธุรกิจของคุณในเครื่องมือค้นหาออนไลน์ การวางแผนและดำเนินการให้เหมาะสมกับทั้งสองส่วนนี้จะช่วยให้คุณสามารถสร้างและเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การทำ PPC แพลตฟอร์ม
PPC (Pay-Per-Click) คือกลยุทธ์การโฆษณาออนไลน์ที่ใช้เครื่องมือค้นหาเพื่อแสดงโฆษณาและส่งเสริมการคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ของธุรกิจ การทำ PPC ต้องใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่ในตลาดและมีความน่าเชื่อถือ สำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างแคมเปญ PPC เพื่อเติมเต็มโอกาสในการเพิ่มยอดขาย การควบคุมงบประมาณและติดตามผลในแต่ละแพลตฟอร์มมีความสำคัญอย่างยิ่ง
นี่คือตัวอย่างของแพลตฟอร์ม PPC ที่น่าสนใจ:
Google Ads (กูเกิล แอดส์)
Google Ads เป็นแพลตฟอร์ม PPC ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก มีการค้นหาจำนวนมากทุกวัน ทำให้เป็นช่องทางที่ดีในการโฆษณาและส่งเสริมการค้นหาสินค้าหรือบริการ
คุณสามารถเลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณเพื่อให้โฆษณาของคุณปรากฏในผลการค้นหา
Google Ads ยังมีเครื่องมือในการเลือกกลุ่มเป้าหมาย และสร้างโฆษณาที่มีตัวเลือกหลากหลาย เช่น โฆษณาข้อความ โฆษณาแบนเนอร์ และโฆษณาวิดีโอ
Bing Ads (บิง แอดส์)
Bing Ads เป็นแพลตฟอร์ม PPC ที่เป็นคู่แข่งกับ Google Ads และมีฐานผู้ใช้งานที่ใหญ่ในบางประเทศ
คล้ายกับ Google Ads คุณสามารถเลือกคีย์เวิร์ดและกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
Facebook Ads (เฟซบุ๊ค แอดส์)
Facebook Ads เป็นแพลตฟอร์ม PPC ที่เน้นการโฆษณาในโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook และ Instagram
คุณสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่สนใจ เช่น อายุ เพศ สิ่งที่สนใจ และพฤติกรรมในการใช้งาน
Twitter Ads (ทวิตเตอร์ แอดส์)
Twitter Ads เป็นแพลตฟอร์ม PPC ที่ใช้โฆษณาบนทวิตเตอร์
คุณสามารถโฆษณาและส่งเสริมการค้นหาโดยใช้ Hashtags หรือคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
LinkedIn Ads (ลิงก์อิน แอดส์)
LinkedIn Ads เป็นแพลตฟอร์ม PPC ที่เน้นการโฆษณาในทางธุรกิจและอาชีพ
คุณสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับตลาดของคุณ เช่น ตำแหน่งงาน ธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
แต่ละแพลตฟอร์มมีความเฉพาะเจาะจงและมีลักษณะการให้บริการที่แตกต่างกัน การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจ
10 ขั้นตอนที่จะเพิ่มโอกาสทำให้ SEO ของคุณมีคนเข้ามาดูเป็นจำนวนมาก
เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำให้ SEO มีคนเข้ามาดูเยอะ ๆ คุณควรใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อปรับแต่งและสร้างเนื้อหาให้มีคุณภาพและน่าสนใจต่อผู้ใช้งาน นี่คือบางวิธีที่คุณสามารถทำเพื่อเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์จาก SEO
ค้นหาและใช้คำค้นหาที่เหมาะสม: วิจัยและค้นหาคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ และนำเข้าเนื้อหาให้ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน ใช้คำค้นหาเหล่านี้ในหัวข้อหรือข้อความเพื่อเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหา
สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและเกี่ยวข้อง: สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง มีความสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และน่าสนใจให้กับผู้ใช้งาน นอกจากนี้ควรเพิ่มเนื้อหาใหม่และอัปเดตเนื้อหาที่เก่าเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ
ใช้หัวข้อที่น่าสนใจ: ใช้แท็กหัวข้อให้ถูกต้องและเกี่ยวข้องกับเนื้อหา หัวข้อที่น่าสนใจสามารถดึงดูดใจผู้ใช้งานให้คลิกเข้ามาอ่านเนื้อหา
การให้บริการที่เพื่อนร่วมค้นหา: แนะนำให้คุณให้บริการที่เพื่อนร่วมค้นหาเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับผู้ใช้งาน การทำ SEO ไม่เพียงแค่เพิ่มจำนวนคนเข้ามาในเว็บไซต์ แต่ยังต้องให้บริการที่ดีและน่าสนุกในการใช้งาน
สร้างเชื่อมโยงภายนอก: สร้างเชื่อมโยงภายนอกจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ข่าวสาร บล็อก หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง การสร้างเชื่อมโยงภายนอกที่มีคุณภาพสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหาอย่างดี
อัปเดตเนื้อหาเป็นประจำ: อัปเดตเนื้อหาในเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้เนื้อหามีความสดใหม่ และเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหา
การใช้สื่อสร้างสรรค์: สร้างเนื้อหาในรูปแบบของภาพ วิดีโอ หรือสื่อสร้างสรรค์อื่น ๆ ที่น่าสนใจและสามารถดึงดูดใจผู้ใช้งาน
การใช้สื่อสังคม: โฆษณาและแชร์เนื้อหาของคุณในสื่อสังคม เช่น Facebook, Twitter, Instagram เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าชมเว็บไซต์
ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์: แนะนำให้คุณให้ความสำคัญในการเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ เนื่องจากความเร็วในการโหลดเว็บไซต์สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้เร็วขึ้นและลดโอกาสในการตามหาเว็บไซต์อื่น ๆ
ติดตามและวิเคราะห์ผล: ติดตามผลการทำ SEO ของคุณโดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เพื่อตรวจสอบว่ากลยุทธ์ของคุณมีผลลัพธ์อย่างไร และปรับปรุงแก้ไขตามความต้องการ
การเพิ่มโอกาสในการเข้าชมเว็บไซต์จาก SEO คือกระบวนการที่ต้องให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่มีคุณภาพและเข้าใจง่าย ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีความน่าสนใจและน่าสนุกในการใช้งาน และมีการทำ SEO ให้สอดคล้องกับเครื่องมือค้นหาอย่างถูกต้อง ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหาที่สูงขึ้น
ความสำคัญของ SEM ในการตลาดดิจิทัล
ความสำคัญของ SEM (Search Engine Marketing) ในการตลาดดิจิทัลมีความสำคัญอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตและเพิ่มยอดขายในโลกออนไลน์ได้ดังนี้
เพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหา: SEM google ช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสปรากฏในผลการค้นหาในเครื่องมือค้นหาอย่างกูเกิล (Google) และบิง (Bing) ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากทุกวัน การปรากฏในผลการค้นหาที่สูงอาจช่วยเพิ่มโอกาสในการคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ของคุณ
การเพิ่มยอดขายและผู้ใช้งานใหม่: SEM google ช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขาย และส่งผู้ใช้งานใหม่เข้าสู่เว็บไซต์ของคุณผ่านการโฆษณาที่ตรงไปตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
ติดตามและวิเคราะห์ผล: ด้วย SEM google คุณสามารถติดตามและวิเคราะห์ผลการโฆษณาและการคลิกค้นหา เพื่อตรวจสอบว่ากลยุทธ์ของคุณมีผลลัพธ์อย่างไร และปรับปรุงแก้ไขตามความต้องการเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ประหยัดงบประมาณ: SEM เป็นวิธีการโฆษณาที่มีความหลากหลายและสามารถปรับแก้ไขงบประมาณได้ตามความต้องการ คุณสามารถกำหนดค่าเสนอราคาในแต่ละคำค้นหา และจ่ายเงินเมื่อมีผู้คลิกโฆษณาเข้าสู่เว็บไซต์ของคุณเท่านั้น
เพิ่มความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจ: การปรากฏในผลการค้นหาที่สูงและการโฆษณาที่ตรงไปตามกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม ช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความน่าเชื่อถือและน่าสนใจในใจผู้ใช้งาน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความท้าทายและเพิ่มสมาธิให้กับการตลาดของคุณในยุคดิจิทัลที่แข่งขันกันอย่างเข้มข้น
ดังนั้น การใช้ SEM ในการตลาดดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จและเติบโตของธุรกิจในโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Latest articles
stay in the loop