Category

PDPA และ GDPR กฎหมายคุ้มครองข้อมูลยุคใหม่ ที่คุณควรรู้

เจาะลึกกฎหมาย PDPA และ GDPR ที่ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล เรียนรู้วิธีจัดการข้อมูลในแอปพลิเคชันและลดความเสี่ยงการละเมิดข้อมูล

25 ต.ค. 2567

PDPA และ GDPR กฎหมายข้อมูลที่คนออนไลน์ต้องรู้

ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณถือเป็นสิ่งสำคัญที่คุณและพวกเราทุกคนควรให้ความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลนี้ การปกป้องข้อมูลกลายเป็นประเด็นที่สังคมต้องการให้มีมาตรการที่ชัดเจนและปลอดภัย กฎหมาย อย่าง PDPA และ GDPR จึงถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลของทุกคน โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับการจัดการอย่างปลอดภัย

ในประเทศไทยเราเริ่มเห็นการใช้งาน PDPA หรือ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างความปลอดภัยให้กับข้อมูลของประชาชน ในขณะเดียวกัน GDPR ซึ่งเป็นกฎหมายด้านการปกป้องข้อมูลในสหภาพยุโรป ก็กลายเป็นต้นแบบที่หลายประเทศนำมาปรับใช้และพัฒนาตาม ข้อกำหนดของ GDPR ที่ค่อนข้างเข้มงวดทำให้ผู้ใช้บริการมั่นใจได้ว่าข้อมูลของพวกเขาจะไม่ถูกละเมิดหรือใช้ในทางที่ผิด

กฎหมายเหล่านี้ไม่ได้มีผลเฉพาะภายในประเทศของตนเองเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อการใช้งานแอปพลิเคชันและบริการออนไลน์ต่างๆ ที่ให้บริการข้ามประเทศอีกด้วย เพราะเมื่อมีการรับ-ส่งข้อมูลไปมา การปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้ทุกคน หากคุณสงสัยว่า PDPA และ GDPR ต่างกันอย่างไร และมีผลกับคุณอย่างไร บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้ชัดเจนขึ้น


กฎหมายที่เกี่ยวกับการปกป้องข้อมูล (PDPA และ GDPR)

PDPA (Personal Data Protection Act) เป็นกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยที่มีเป้าหมายหลักคือการสร้างมาตรการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัยและเป็นธรรม PDPA กำหนดให้บริษัทหรือองค์กรที่เก็บข้อมูลต้องขอความยินยอมจากคุณก่อนจะนำข้อมูลไปใช้ นอกจากนี้ต้องมีการจัดการข้อมูลที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ เช่นเดียวกับ GDPR

GDPR (General Data Protection Regulation) เป็นกฎหมายด้านการปกป้องข้อมูลของสหภาพยุโรปซึ่งมีข้อกำหนดที่เข้มงวดและครอบคลุมมาก โดย GDPR ให้ความสำคัญกับสิทธิของเจ้าของข้อมูล เช่น สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลที่เก็บไว้ สิทธิในการขอลบข้อมูล และสิทธิในการขอย้ายข้อมูลไปยังผู้ให้บริการอื่น เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลของผู้ใช้บริการได้รับการจัดการอย่างปลอดภัย

แม้ PDPA และ GDPR จะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ เช่น ขอบเขตการคุ้มครองและการบังคับใช้ ซึ่ง PDPA นั้นจะใช้ในประเทศไทยเป็นหลัก ส่วน GDPR มีผลกระทบทั่วโลกเนื่องจากครอบคลุมการเก็บข้อมูลของพลเมืองสหภาพยุโรปไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ดังนั้นการทำความเข้าใจทั้งสองกฎหมายนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสิทธิและข้อควรปฏิบัติในเรื่องการคุ้มครองข้อมูลมากยิ่งขึ้น


การจัดการข้อมูลส่วนบุคคลในแอปพลิเคชันต่างๆ

การจัดการข้อมูลส่วนบุคคลในแอปพลิเคชันมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลปัจจุบัน เนื่องจากข้อมูลของผู้ใช้งานเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้แอปพลิเคชันสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด ในขณะเดียวกัน ข้อมูลเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะถูกเข้าถึงหรือใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม จึงเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการที่จะต้องดูแลข้อมูลเหล่านี้ให้ปลอดภัยและเป็นไปตามกฎหมาย เช่น PDPA และ GDPR เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับความเป็นส่วนตัวและข้อมูลจะไม่ถูกละเมิด

ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่แนะนำในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลในแอปพลิเคชันอย่างเหมาะสม

  1. ขอความยินยอมจากผู้ใช้ก่อนเก็บข้อมูล - ก่อนที่แอปพลิเคชันจะเก็บหรือใช้ข้อมูล ควรขอความยินยอมจากผู้ใช้อย่างชัดเจน โดยระบุวัตถุประสงค์ในการเก็บและการใช้งานข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้ว่าจะยินยอมให้ข้อมูลหรือไม่

  2. จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบที่ปลอดภัย - ข้อมูลส่วนบุคคลควรเก็บในรูปแบบที่ปลอดภัย เช่น ใช้การเข้ารหัส (encryption) หรือจัดเก็บในฐานข้อมูลที่มีการควบคุมการเข้าถึง เพื่อป้องกันการแฮ็กและการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

  3. จำกัดการเข้าถึงข้อมูลให้เฉพาะบุคคลที่จำเป็น - ควรกำหนดให้เฉพาะพนักงานหรือทีมงานที่มีหน้าที่จำเป็นเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ได้ เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจากการเข้าถึงโดยบุคคลภายนอกหรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง

  4. กำหนดนโยบายการลบข้อมูลที่ชัดเจน - มีการกำหนดนโยบายการเก็บและการลบข้อมูลที่ชัดเจน เช่น เมื่อลูกค้าขอยกเลิกบัญชี หรือเมื่อข้อมูลหมดอายุการใช้งานแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงจากการเก็บข้อมูลที่ไม่จำเป็นและป้องกันการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด

  5. ตรวจสอบและปรับปรุงระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ - ควรมีการตรวจสอบระบบและการจัดการข้อมูลเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องโหว่หรือจุดบกพร่องที่อาจนำไปสู่การละเมิดข้อมูล และควรมีการอัปเดตระบบความปลอดภัยให้ทันสมัยอยู่เสมอ


ความเสี่ยงของการละเมิดข้อมูลในโลกออนไลน์

การละเมิดข้อมูลในโลกออนไลน์เป็นภัยคุกคามที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไปหรือองค์กร เนื่องจากข้อมูลที่ถูกละเมิดสามารถนำไปใช้ในทางที่ผิด สร้างความเสียหายทั้งด้านการเงินและความเป็นส่วนตัว ความเสี่ยงของการละเมิดข้อมูลนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อเจ้าของข้อมูล แต่ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานในบริการต่างๆ ด้วย

ตัวอย่างความเสี่ยงของการละเมิดข้อมูลในโลกออนไลน์มีดังนี้

  1. การขโมยข้อมูลประจำตัว - ข้อมูลประจำตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ เลขบัตรประชาชน อาจถูกขโมยและนำไปใช้เปิดบัญชีหรือทำธุรกรรมที่ไม่พึงประสงค์ การขโมยข้อมูลประเภทนี้มักจะนำไปสู่การปลอมแปลงตัวตนหรือใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต

  2. การแฮ็กบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิต - ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เช่น หมายเลขบัตรเครดิตหรือข้อมูลการเข้าสู่ระบบธนาคาร อาจถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งผลให้ผู้ใช้เสียทรัพย์สินหรือเงินทุน และยังเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทางการเงินในอนาคต

  3. การฟิชชิง (Phishing) - ผู้โจมตีใช้วิธีการฟิชชิงเพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญผ่านทางลิงก์หรืออีเมลปลอม ข้อมูลที่ได้จากการฟิชชิงอาจถูกนำไปใช้ในการโจมตีในอนาคต หรือใช้ในการเข้าถึงข้อมูลที่มีความสำคัญได้โดยง่าย

  4. การละเมิดความเป็นส่วนตัวในโซเชียลมีเดีย - ข้อมูลที่ผู้ใช้แชร์บนโซเชียลมีเดีย เช่น รูปภาพ ที่อยู่ หรือความคิดเห็น อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม การละเมิดความเป็นส่วนตัวเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกติดตามหรือข่มขู่ได้

  5. การแอบติดตามพฤติกรรมการใช้งานออนไลน์ - มีแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์บางแห่งที่เก็บข้อมูลการใช้งานโดยไม่แจ้งผู้ใช้ ข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้เพื่อโฆษณาเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ และบางกรณีอาจถูกนำไปขายให้บุคคลที่สาม ซึ่งละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างร้ายแรง


กฎหมาย PDPA และ GDPR ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในยุคดิจิทัล PDPA ของประเทศไทยและ GDPR ของสหภาพยุโรปต่างมีมาตรการที่เข้มงวดในการเก็บ รักษา และใช้ข้อมูล เพื่อสร้างความมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับการปกป้องจากการละเมิดหรือการนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ทั้งสองกฎหมายนี้ให้ความสำคัญกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลและความโปร่งใสในการจัดการข้อมูล

ในด้านการจัดการข้อมูลในแอปพลิเคชัน ผู้ให้บริการต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้และจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบที่ปลอดภัย นอกจากนี้ควรกำหนดมาตรการเข้าถึงข้อมูลที่ชัดเจนและนโยบายการลบข้อมูลที่เหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลจะไม่ตกไปอยู่ในมือผู้ไม่หวังดี การจัดการข้อมูลที่ถูกต้องนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการละเมิดและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้

ความเสี่ยงของการละเมิดข้อมูลในโลกออนไลน์เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและอาจส่งผลเสียต่อทั้งบุคคลและองค์กร การละเมิดข้อมูลอาจเกิดจากการขโมยข้อมูลประจำตัว การแฮ็กข้อมูลการเงิน การฟิชชิง รวมถึงการละเมิดความเป็นส่วนตัวในโซเชียลมีเดียและการติดตามพฤติกรรมการใช้งาน ข้อมูลที่ถูกละเมิดสามารถนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม และทำให้ผู้ใช้ได้รับความเสียหายทั้งทางด้านทรัพย์สินและความเป็นส่วนตัว

เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลในโลกออนไลน์ เราควรตระหนักถึงความสำคัญของกฎหมายเหล่านี้ และใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ อย่างระมัดระวัง การใส่ใจต่อสิทธิและข้อกำหนดของกฎหมายการปกป้องข้อมูลไม่เพียงช่วยให้เราปลอดภัยจากการละเมิด แต่ยังสร้างสังคมดิจิทัลที่เชื่อมั่นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

stay in the loop

Subscribe for our latest update.