Manufacturing Execution System (MES) ก้าวสู่ยุคดิจิทัล

Manufacturing Execution System (MES) หรือ ระบบการดำเนินการผลิต มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมปัจจุบัน เทคโนโลยี MES กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ผลิต

ระบบ MES คืออะไร ?

Manufacturing Execution System หรือ MES เป็นระบบสารสนเทศที่ออกแบบมาเพื่อติดตามและควบคุมกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม เปรียบเสมือนหัวใจหลักของ อุตสาหกรรมยุค 4.0 ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างระบบ ERP กับ Shop Floor

หน้าที่หลัก ของ MES คือ

• รับคำสั่งการผลิต และ แผนการผลิต จาก ERP ไปยังเครื่องจักร

• ติดตามสถานะการผลิต แบบเรียลไทม์

• เก็บข้อมูลการทำงานของเครื่องจักร และ พนักงาน อย่างละเอียด

• วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อหาจุดอ่อน ปรับปรุงประสิทธิภาพ และลดต้นทุน

• ควบคุมการผลิต ให้เป็นไปตามแผน

• แจ้งเตือน เมื่อเกิดปัญหาหรือความผิดปกติ

• สนับสนุนการตัดสินใจ ของผู้บริหาร

ระบบ MES มีวิวัฒนาการอย่างไร ?

ระบบ Manufacturing Execution System (MES) มีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในช่วงทศวรรษ 1980 จนถึงปัจจุบัน MES พัฒนาผ่าน 4 ยุคหลัก ดังนี้

ยุคที่ 1: MES ยุคแรก (1980s)

• มุ่งเน้นไปที่การติดตามและควบคุมการผลิตแบบพื้นฐาน

• รองรับการทำงานแบบออฟไลน์

• ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC)

ยุคที่ 2: MES ยุคที่ 2 (1990s)

• รองรับการทำงานแบบเรียลไทม์

• เชื่อมต่อกับระบบ ERP

• ใช้เทคโนโลยีไคลเอนต์-เซิร์ฟเวอร์

ยุคที่ 3: MES ยุคที่ 3 (2000s)

• รองรับการผลิตแบบลีน (lean manufacturing)

• เน้นการวิเคราะห์ข้อมูล

• ใช้เทคโนโลยีเว็บ

ยุคที่ 4: MES ยุคดิจิทัล (2010s - ปัจจุบัน)

• ผสานรวมเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น IoT, AI, และ Machine Learning

• รองรับการผลิตแบบดิจิทัล

• มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

ปัจจัย ที่ขับเคลื่อนวิวัฒนาการของ MES

1. ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี: เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น IoT, AI, และ Machine Learning ช่วยให้ MES มีความสามารถมากขึ้น

2. ความต้องการของผู้ผลิต: ผู้ผลิตต้องการระบบที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และปรับปรุงคุณภาพ

3. การแข่งขันที่รุนแรง: ผู้ผลิตต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

ผลลัพธ์ ของวิวัฒนาการ MES

1. MES มีความซับซ้อนมากขึ้น: MES ยุคใหม่มีความซับซ้อนมากขึ้น ต้องใช้ทักษะและความรู้เฉพาะทางในการใช้งาน

2. MES มีราคาแพง: MES ยุคใหม่มีราคาแพงกว่า MES ยุคเก่า

3. MES มีประสิทธิภาพมากขึ้น: MES ยุคใหม่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผู้ผลิตเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และปรับปรุงคุณภาพ

อนาคต ของ MES

คาดว่า MES จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผสานรวมเทคโนโลยีใหม่ๆ กลายเป็นระบบที่ชาญฉลาด รองรับการผลิตแบบดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับผู้ผลิต

MES เกี่ยวข้องกับ ERP อย่างไร?

ERP (Enterprise Resource Planning) เป็นระบบสารสนเทศที่ครอบคลุมการทำงานขององค์กรทั้งหมด MES ทำงานร่วมกับ ERP โดย

1. รับข้อมูล จาก ERP เช่น แผนการผลิต ใบสั่งงาน วัตถุดิบ ฯลฯ

2. ส่งข้อมูล ไปยัง ERP เช่น ข้อมูลการผลิต สถานะการทำงานของเครื่องจักร ฯลฯ

3. ทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยรวม

สรุป

MES และ ERP เป็นระบบสารสนเทศที่สำคัญสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม MES ทำงานร่วมกับ ERP เพื่อติดตาม ควบคุม และวิเคราะห์ข้อมูลการผลิต ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้