Category

Logistics คืออะไร ความสำคัญของ Logistics ในการประกอบธุรกิจ

โลจิสติกส์คือกระบวนการวางแผน ดำเนินการและควบคุมการเคลื่อนย้ายและจัดเก็บสินค้าข้อมูลและทรัพยากรอื่นๆ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปยังจุดสิ้นสุมีประสิทธิภาพ

10 ส.ค. 2566

Logistics คือ อะไร​

โลจิสติกส์คือกระบวนการวางแผน ดำเนินการ และควบคุมการเคลื่อนย้ายและจัดเก็บสินค้า ข้อมูล และทรัพยากรอื่นๆ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปยังจุดสิ้นสุดอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า โลจิสติกส์เป็นองค์ประกอบสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆ เช่น การขนส่ง การจัดเก็บ การจัดการสินค้าคงคลัง การบรรจุหีบห่อ และการกระจายสินค้า โลจิสติกส์มีความสำคัญต่อธุรกิจทุกประเภท เนื่องจากช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดหาสินค้าและบริการให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงเวลา โลจิสติกส์ที่ดีสามารถช่วยธุรกิจประหยัดต้นทุน ลดความเสี่ยง และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โลจิสติกส์เป็นสาขาวิชาที่กว้างขวางและมีขอบเขตที่หลากหลาย ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ต้องมีความรู้และทักษะในสาขาต่างๆ เช่น การจัดการ การขนส่ง การเงิน เทคโนโลยีสารสนเทศ และกฎหมาย โลจิสติกส์เป็นสาขาวิชาที่มีความสำคัญและมีอนาคตสดใส ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์มีความต้องการสูงในธุรกิจทุกประเภท

ในยุคที่เทคโนโลยีและการค้าข้ามชาติกำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การจัดการทางโลจิสติกส์ (Logistics) เป็นส่วนสำคัญของธุรกิจที่ทุกวันนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ การจัดการโลจิสติกส์เล่น peranสำคัญในการบริหารจัดการสินค้าและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการขนส่ง จัดเก็บสินค้า และจัดส่งไปยังที่หมายอย่างถูกต้องและทันเวลา การจัดการโลจิสติกส์ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวางแผนการจัดส่งสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าและเหมาะสมกับทรัพยากรที่มีอยู่ รวมถึงการจัดการคลังสินค้าเพื่อให้สินค้าถูกเก็บรักษาและจัดส่งอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการโลจิสติกส์ยังเกี่ยวข้องกับการติดตามและการจัดการข้อมูล ที่จำเป็นต่อกระบวนการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการตัดสินใจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในทันที เพื่อให้ธุรกิจของคุณเจริญรุ่งเรืองในยุคที่ความซับซ้อนและความต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การจัดการโลจิสติกส์เป็นเครื่องมือที่จำเป็นที่คุณไม่ควรมองข้าม ด้วยการบริหารจัดการที่ดีในด้านโลจิสติกส์ คุณจะสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีในการทำธุรกิจและความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าของคุณได้เป็นอย่างดี

กิจกรรมสำคัญใน Logistics : การบริหารจัดการเพื่อความราบรื่นและประสิทธิภาพ​

ในโลกธุรกิจที่ซับซ้อนและการเคลื่อนย้ายสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ กิจกรรมทางโลจิสติกส์เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพและความราบรื่นในกระบวนการต่างๆ ดังนั้น เราจะมาพูดถึงกิจกรรมสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์

  1. การวางแผนและสั่งซื้อ (Planning and Procurement): กิจกรรมนี้เน้นการวางแผนความต้องการของวัตถุดิบและสินค้า รวมถึงกระบวนการสั่งซื้อเพื่อให้มีวัตถุดิบและสินค้าพร้อมใช้งานตามความต้องการของลูกค้า

  2. การจัดเก็บสินค้า (Warehousing): กิจกรรมนี้เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บสินค้าในคลังโดยมีการจัดเรียงและสะท้อนความเรียบร้อย เพื่อให้สามารถค้นหาและนำสินค้าออกมาใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว

  3. การจัดส่ง (Transportation): กิจกรรมนี้เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายสินค้าจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดปลายทาง รวมถึงการเลือกใช้วิธีการขนส่งที่เหมาะสมเพื่อให้สินค้าถึงมือลูกค้าในเวลาที่กำหนด

  4. การจัดการคลังสินค้า (Inventory Management): กิจกรรมนี้เกี่ยวข้องกับการควบคุมคลังสินค้าเพื่อให้สินค้ามีอยู่พร้อมใช้งานเมื่อมีความต้องการ โดยลดการสะสมสินค้าคงคลังเกินไป

  5. การบริหารความเสี่ยง (Risk Management): กิจกรรมนี้เน้นการรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการโลจิสติกส์ เช่น การสูญเสียสินค้า การเกิดความเสี่ยงในการขนส่ง และอื่นๆ

  6. การติดตามและการประเมินผล (Tracking and Evaluation): กิจกรรมนี้เกี่ยวข้องกับการติดตามความคืบหน้าของกระบวนการโลจิสติกส์และการประเมินผลความสำเร็จ เพื่อให้สามารถปรับปรุงและปรับแผนการดำเนินงานในอนาคตได้

การบริหารจัดการโลจิสติกส์อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้ากับการเปลี่ยนแปลงและตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ

ตัวชี้วัดในการบริหารจัดการโลจิสติกส์ (Logistics KPIs)​

ตัวชี้วัด (Key Performance Indicators หรือ KPIs) เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถวัดและประเมินผลในด้านต่างๆ ของกระบวนการโลจิสติกส์ ซึ่งช่วยในการติดตามความสำเร็จ และทำให้สามารถปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้เข้ากับสภาวะตลาดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บางตัวชี้วัดที่สำคัญในการบริหารจัดการโลจิสติกส์ได้แก่

  • อัตราการส่งมอบที่ถูกต้อง (Perfect Order Fulfillment Rate): วัดร้อยละของการส่งมอบที่สำเร็จและถูกต้องตามคำสั่งซื้อทั้งหมด

  • ระยะเวลาในการจัดส่ง (Delivery Time): วัดระยะเวลาที่ใช้ในการจัดส่งสินค้าจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดปลายทาง

  • ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง (Transportation Cost): วัดค่าใช้จ่ายในกระบวนการขนส่งสินค้า รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดส่งและการคืนสินค้า

  • ระยะเวลาในการรอ (Waiting Time): วัดระยะเวลาที่สินค้าอยู่ในกระบวนการรอการจัดการ เช่น รอการจัดส่งหรือรอการบรรจุหีบห่อ

การใช้งานการจัดกลุ่มเชิงโลจิสติกส์และตัวชี้วัดในการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ช่วยให้ธุรกิจมีการดำเนินกิจกรรมโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสม และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การวัดประสิทธิภาพที่เกิดจากการดำเนินการในกิจกรรม Logistics​

การวัดประสิทธิภาพที่เกิดจากการดำเนินการในกิจกรรมโลจิสติกส์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจทุกประเภท เนื่องจากช่วยให้ธุรกิจสามารถระบุปัญหาและโอกาสในการปรับปรุงการดำเนินงานโลจิสติกส์ได้ การปรับแต่งการดำเนินงานโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นสามารถช่วยธุรกิจประหยัดต้นทุน ลดความเสี่ยง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้

มีตัวชี้วัดประสิทธิภาพโลจิสติกส์มากมายที่ธุรกิจสามารถใช้เพื่อวัดประสิทธิภาพของการดำเนินงานโลจิสติกส์ได้ ตัวอย่างตัวชี้วัดประสิทธิภาพโลจิสติกส์ที่สำคัญ ได้แก่

  • ต้นทุนโลจิสติกส์: หมายถึงต้นทุนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง การจัดเก็บ การจัดการสินค้าคงคลัง การบรรจุหีบห่อ และการกระจายสินค้า

  • เวลาในการจัดส่ง: หมายถึงระยะเวลาที่ใช้ในการขนส่งสินค้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง

  • ความแม่นยำในการจัดส่ง: หมายถึงจำนวนสินค้าที่จัดส่งถึงลูกค้าตรงเวลาและครบถ้วน

  • ความพึงพอใจของลูกค้า: หมายถึงระดับความพึงพอใจของลูกค้าที่เกิดจากการได้รับสินค้าตรงเวลาและครบถ้วน

การติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพโลจิสติกส์จะช่วยให้ธุรกิจสามารถระบุปัญหาและโอกาสในการปรับปรุงการดำเนินงานโลจิสติกส์ได้ ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจพบว่าต้นทุนโลจิสติกส์สูงเกินไป ธุรกิจอาจสามารถลดต้นทุนได้โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่งหรือการจัดเก็บสินค้า

การปรับแต่งการดำเนินงานโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นสามารถช่วยธุรกิจประหยัดต้นทุน ลดความเสี่ยง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้ ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่งได้ ธุรกิจอาจสามารถจัดส่งสินค้าได้เร็วขึ้น ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้นและมีโอกาสที่จะกลับมาซื้อซ้ำมากขึ้น

การวัดประสิทธิภาพที่เกิดจากการดำเนินการในกิจกรรมโลจิสติกส์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจทุกประเภท ธุรกิจควรเลือกตัวชี้วัดประสิทธิภาพโลจิสติกส์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนเองและติดตามตัวชี้วัดเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอเพื่อระบุปัญหาและโอกาสในการปรับปรุงการดำเนินงานโลจิสติกส์

stay in the loop

Subscribe for our latest update.