Category

โลจิสติกส์ (logistics) คืออะไร

โลจิสติกส์ (Logistics) มีบทบาทสำคัญในธุรกิจสามารถควบคุมการจัดการของทรัพยากร จัดการการขนส่ง จัดเก็บสินค้า การบรรทุก การจัดส่ง และกระบวนการอื่นๆ

27 ก.ค. 2566

โลจิสติกส์ (logistics) คืออะไร​

โลจิสติกส์หมายถึงกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและควบคุมการเคลื่อนไหวของสินค้าและบริการต่างๆ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในกระบวนการผลิต การจัดหาวัตถุดิบ การเก็บรักษา การบรรจุหีบห่อ การขนส่ง การจัดเก็บ การจัดส่ง การเริ่มต้นใหม่ และอื่นๆ ในกระบวนการส่งมอบสินค้าให้ถึงมือลูกค้าในเวลาและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

โลจิสติกส์มีบทบาทสำคัญในการส่งมอบสินค้าและบริการต่างๆ ทั้งในระดับธุรกิจเล็กๆ และองค์กรใหญ่ การจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดต้นทุนในกระบวนการ ลดเวลาในการขนส่งและจัดส่ง ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจเสริมสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดได้

สรุปคือ โลจิสติกส์คือกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและควบคุมการเคลื่อนไหวของสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อให้สามารถส่งมอบสินค้าให้ถึงมือลูกค้าในเวลาและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการ ลดต้นทุน และเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าของธุรกิจในที่สุด

กระบวนการของโลจิสติกส์​

กระบวนการของโลจิสติกส์ (Logistics) ที่สำคัญและมีบทบาทในการเปิดเผยความเข้าใจให้กับผู้ที่สนใจหรือกำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับด้านนี้ โดยเราจะอธิบายกระบวนการของโลจิสติกส์ในลักษณะที่ง่ายต่อการเข้าใจ และจะครอบคลุมขอบเขตของกระบวนการโลจิสติกส์ได้ดังนี้:

  1. การวางแผนและการจัดการคลังสินค้า (Inventory Management): กระบวนการเริ่มต้นของโลจิสติกส์คือการวางแผนและการจัดการคลังสินค้า เป้าหมายคือให้มีสินค้าครบคลุมตามความต้องการและปริมาณการขาย โดยให้เกิดความสมดุลในการเก็บสินค้าที่มีอยู่ในคลัง การใช้เทคโนโลยีและระบบคอมพิวเตอร์เพื่อติดตามสต็อกและสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องมีบทบาทสำคัญในกระบวนการนี้

  2. การสั่งซื้อและการจัดหา (Procurement and Sourcing): กระบวนการสั่งซื้อและการจัดหาเกี่ยวข้องกับการเลือกซื้อวัตถุดิบและสินค้าจากซัพพลายเออร์ โดยมีการตรวจสอบคุณภาพและเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม ความรวดเร็วในการสั่งซื้อและระบบการจัดหาที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต่อการดำเนินการของโลจิสติกส์

  3. การควบคุมและการจัดการการขนส่ง (Transportation Management): กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการวางแผนและควบคุมการขนส่งสินค้าจากแหล่งผลิตถึงที่หมายปลายทาง มีการเลือกใช้วิธีการขนส่งที่เหมาะสมกับปริมาณและลักษณะของสินค้า เช่น รถบรรทุก รถไฟ นำ้ท่วม เป็นต้น การควบคุมและติดตามการขนส่งให้เป็นไปตามตารางเวลาและความเร็วที่กำหนดเป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการนี้

  4. การจัดส่ง (Distribution): กระบวนการการจัดส่งเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของสินค้าจากคลังสินค้าหรือศูนย์กระจายสินค้าไปยังลูกค้า มีการวางแผนเส้นทางการจัดส่งที่เหมาะสมและติดตามสถานะของสินค้าเพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่ถูกต้องและทันเวลา

  5. การจัดการกับปัญหาและความเสี่ยง (Risk Management): กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการจัดการกับปัญหาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการโลจิสติกส์ เช่น ปัญหาในการขนส่ง เช่น การชะลอการส่ง ความเสี่ยงทางธรรมชาติ เช่น พายุและอุบัติเหตุ เป็นต้น การตรวจสอบและวางแผนในการจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการนี้

  6. การตรวจสอบและการประเมิน (Monitoring and Evaluation): กระบวนการสุดท้ายคือการตรวจสอบและการประเมินผลของกระบวนการโลจิสติกส์ โดยตรวจสอบการดำเนินการที่เกิดขึ้นในทุกขั้นตอน และประเมินผลเพื่อหาวิธีการปรับปรุงและพัฒนากระบวนการให้เป็นอย่างดีที่สุด

โดยรวมแล้ว กระบวนการของโลจิสติกส์เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารจัดการธุรกิจ การเลือกใช้เทคโนโลยีและระบบคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพและการดำเนินการของกระบวนการนี้

การวัดประสิทธิภาพของโลจิสติกส์ (Logistics Efficiency Measurement)​

เราเข้าใจความสำคัญของการวัดและปรับปรุงประสิทธิภาพในกระบวนการโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสำเร็จในธุรกิจ ในบทความนี้เราจะสร้างความเข้าใจให้กับคุณเกี่ยวกับวิธีการวัดประสิทธิภาพของโลจิสติกส์

  1. ระยะเวลาในการดำเนินการ (Lead Time): ระยะเวลาในการดำเนินการคือเวลาที่ใช้ในกระบวนการโลจิสติกส์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดสิ้นสุด เช่น ระยะเวลาในการเตรียมสินค้า ระยะเวลาในการขนส่ง ระยะเวลาในการจัดส่ง การวัดและปรับปรุงระยะเวลาในกระบวนการนี้สามารถช่วยลดเวลาการให้บริการและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

  2. ระดับการบริการ (Service Level): ระดับการบริการเป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดความพร้อมให้บริการของโลจิสติกส์ หมายถึงความสามารถในการส่งมอบสินค้าหรือบริการตามที่ลูกค้าต้องการ การตรวจสอบและปรับปรุงระดับการบริการจำเป็นเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

  3. ค่าใช้จ่ายในกระบวนการ (Costs): ค่าใช้จ่ายในกระบวนการคือต้นทุนที่เกิดขึ้นในการดำเนินการของโลจิสติกส์ การวัดและควบคุมค่าใช้จ่ายในกระบวนการเป็นสิ่งสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนในกระบวนการ

  4. ประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร (Resource Utilization): ประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรหมายถึงการใช้ทรัพยากรในกระบวนการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ แรงงาน พื้นที่เก็บสินค้า รถขนส่ง เป็นต้น การวัดและปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรสามารถช่วยลดการสูญเสียและเพิ่มผลตอบแทนในการใช้ทรัพยากร

  5. ความเชื่อมโยงในกระบวนการ (Connectivity): ความเชื่อมโยงในกระบวนการคือการติดต่อและสื่อสารระหว่างกิจกรรมและส่วนประกอบต่างๆ ในกระบวนการโลจิสติกส์ เช่น การเชื่อมต่อระหว่างคลังสินค้าและการขนส่ง การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเพื่อติดตามสถานะสินค้า เป็นต้น การวัดและปรับปรุงความเชื่อมโยงในกระบวนการสามารถช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความเที่ยงตรงในกระบวนการ

การวัดประสิทธิภาพของโลจิสติกส์เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการปรับปรุงและพัฒนากระบวนการให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในการดำเนินการธุรกิจของคุณ อย่างไรก็ตาม วิธีการวัดประสิทธิภาพของโลจิสติกส์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจและกิจกรรมที่เกิดขึ้น การประเมินอาจใช้ตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ล่วงหน้า หรือการเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ อย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีการวัดประสิทธิภาพของโลจิสติกส์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

ความสำคัญและประโยชน์ของระบบโลจิสติกส์ (Logistics System)​

 ในธุรกิจและองค์กรต่างๆ โลจิสติกส์เป็นส่วนสำคัญที่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของคุณ ประโยชน์ของระบบโลจิสติกส์ มีดังนี้ 

  1. ลดต้นทุน: ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดต้นทุนในกระบวนการดำเนินธุรกิจ โดยการควบคุมค่าใช้จ่ายในการคลังสินค้า การขนส่ง และการจัดส่ง การวางแผนการใช้ทรัพยากรให้เหมาะสม และลดการสูญเสียในกระบวนการ

  2. เพิ่มความพร้อมในการให้บริการ: ระบบโลจิสติกส์ที่ดีช่วยเพิ่มความพร้อมในการให้บริการลูกค้า การวางแผนและควบคุมเวลาในกระบวนการจัดส่งทำให้สินค้าสามารถถึงมือลูกค้าทันเวลา การจัดส่งที่เป็นระเบียบและทันสถานะสินค้าที่ต้องการช่วยให้ลูกค้าพึงพอใจและมีความพึงพอใจในการให้บริการ

  3. พัฒนาความสามารถในการตอบสนองต่อตลาด: ระบบโลจิสติกส์ที่มีความเสถียรและคล่องตัวสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเปลี่ยนแปลงในการจัดส่งสินค้าตามความต้องการของลูกค้า การรับส่งที่รวดเร็ว และการให้บริการที่ครบวงจรเป็นต้น

  4. พัฒนากระบวนการภายใน: ระบบโลจิสติกส์ช่วยในการพัฒนากระบวนการภายในขององค์กร มีการเติบโตและปรับปรุงกระบวนการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ นำเสนอแนวทางที่ดีขึ้นในการจัดการสินค้า การบริหารคลังสินค้า และการเตรียมสินค้า เพื่อให้องค์กรเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน

  5. ควบคุมคุณภาพและความน่าเชื่อถือ: ระบบโลจิสติกส์ที่มีความเสถียรและมีความน่าเชื่อถือช่วยให้ควบคุมคุณภาพของสินค้าและบริการได้ดี การติดตามสถานะของสินค้า การตรวจสอบและรับรองคุณภาพของผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ช่วยให้สามารถมั่นใจในคุณภาพของสินค้า

  6. เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: การให้บริการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า สินค้าสามารถถึงมือลูกค้าทันเวลา ส่งผลให้ลูกค้าพึงพอใจและมีความพึงพอใจในการซื้อสินค้าและบริการขององค์กรของคุณ

ในสรุป ระบบโลจิสติกส์มีประโยชน์มากมายที่สำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ การใช้เทคโนโลยีและระบบการบริหารโลจิสติกส์ที่เหมาะสมสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของคุณอย่างมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม อย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้เพื่อเลือกใช้ระบบโลจิสติกส์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ

stay in the loop

Subscribe for our latest update.