Category

ทำแอพพลิเคชั่น ราคาเท่าไร ทำแอพฟรี เขียนโปรแกรม 10 ข้อ ราคา

หากคุณวางแผนที่จะสร้างแอพพลิเคชัน คุณควรดูความต้องการและงบประมาณของคุณอย่างรอบคอบ เพื่อเลือกนักเขียนโปรแกรมหรือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม

11 ก.ย. 2566

การเขียนแอพพลิเคชั่น​

ในปัจจุบัน การสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะมีเครื่องมือและบริการมากมายที่ช่วยให้เราสามารถพัฒนาแอพพลิเคชันได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดเลย

เครื่องมือสร้างแอพพลิเคชั่นฟรี จะช่วยให้เราสามารถเริ่มต้นสร้างแอพพลิเคชั่นได้ง่าย ๆ เพียงเลือกเทมเพลตหรือรูปแบบแอพที่ต้องการ จากนั้นจึงปรับแต่งรายละเอียดต่าง ๆ เช่น รูปภาพ ข้อความ ข้อมูล และฟังก์ชันการทำงานให้ตรงกับความต้องการของเรา

เครื่องมือสร้างแอพพลิเคชั่น​

ตัวอย่างเครื่องมือสร้างแอพพลิเคชั่นฟรี ได้แก่ Andromo ,AppSheet ,lide ฯลฯ

เครื่องมือสร้างแอพพลิเคชันฟรีเหล่านี้มีข้อดีคือใช้งานง่าย ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการพัฒนา และสามารถเข้าถึงได้ทุกคน อย่างไรก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้ก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น ฟีเจอร์และฟังก์ชันการทำงานอาจไม่ครบถ้วนเท่าแอพพลิเคชันที่พัฒนาโดยนักพัฒนามืออาชีพ และอาจต้องมีทักษะด้านการออกแบบและการใช้งานสื่อดิจิทัลในระดับหนึ่ง

หากเรามีทักษะด้านการเขียนโค้ด เราจะสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นด้วยตนเองได้ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถปรับแต่งแอพพลิเคชั่นได้ตามต้องการและมีความยืดหยุ่นมากกว่าการใช้เครื่องมือสร้างแอพพลิเคชั่นฟรี อย่างไรก็ตาม การเขียนโค้ดอาจต้องใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้และฝึกฝนมากกว่า

อาชีพ รับเขียนโปรแกรม​

อาชีพรับเขียนโปรแกรมเป็นอาชีพที่หลากหลายและมีความต้องการสูงในวงกว้าง โปรแกรมเมอร์สามารถทำงานในหลายสาขาและสิ่งที่คุณสามารถทำได้จะขึ้นอยู่กับความสนใจของคุณ ความเชี่ยวชาญ และทักษะทางด้านโปรแกรมที่คุณมี. นี่คือบางอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรม:

  1. นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Developer): นักพัฒนาซอฟต์แวร์เขียนโค้ดและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์และแอปพลิเคชัน ได้แก่ แอปพลิเคชันมือถือ, โปรแกรมคอมพิวเตอร์, และเว็บแอปพลิเคชัน

  2. นักพัฒนาเว็บ (Web Developer): นักพัฒนาเว็บออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ แอปพลิเคชันเว็บ และส่วนหน้า (Front-end) และส่วนหลัง (Back-end) ของเว็บไซต์

  3. นักพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือ (Mobile App Developer): นักพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือเขียนแอปพลิเคชันสำหรับโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์แบบพกพา โดยใช้ภาษาเช่น Java, Kotlin (สำหรับ Android) หรือ Swift (สำหรับ iOS)

  4. นักพัฒนาฐานข้อมูล (Database Developer): นักพัฒนาฐานข้อมูลออกแบบและบริหารจัดการระบบฐานข้อมูล โดยใช้เทคโนโลยีเช่น SQL

  5. นักวิเคราะห์ข้อมูลและวิทยากรเทคโนโลยีสารสนเทศ (Data Analyst and IT Consultant): นักวิเคราะห์ข้อมูลทำการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ข้อมูลที่สำคัญในการตัดสินใจธุรกิจ และวิทยากรเทคโนโลยีสารสนเทศให้คำปรึกษาในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

  6. นักวิเคราะห์ความปลอดภัยและนักทดสอบซอฟต์แวร์ (Security Analyst and Software Tester): นักวิเคราะห์ความปลอดภัยทำการทดสอบและพัฒนามาตรการความปลอดภัยสำหรับโปรแกรมและระบบ

  7. นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Scientist): นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับปัญหาทางคอมพิวเตอร์และสร้างตัวแก้ไขในรูปแบบของโปรแกรมคอมพิวเตอร์

  8. นักเขียนสคริปต์ (Script Writer): นักเขียนสคริปต์เขียนสคริปต์โปรแกรมเพื่อทำงานอัตโนมัติหรือปรับแต่งงานต่าง ๆ

  9. นักพัฒนาเกม (Game Developer): นักพัฒนาเกมสร้างและพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์และเกมมือถือ

  10. นักพัฒนาระบบอัตโนมัติ (Automation Engineer): นักพัฒนาระบบอัตโนมัติสร้างและดูแลระบบที่ทำงานอัตโนมัติเพื่อประหยัดเวลาและทรัพยากร

การกำหนดราคาในการทําแอพพลิเคชั่น​

ทำแอพพลิเคชั่น ราคาเท่าไร? เป็นคำถามที่มักจะพบอยู่บ่อยๆ การกำหนดราคาแอปพลิเคชันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และแผนธุรกิจของคุณ มีหลายวิธีในการกำหนดราคาแอปพลิเคชัน ดังนี้:

  1. แอปพลิเคชันฟรี: คุณสามารถเปิดให้ใช้งานแอปพลิเคชันฟรี และสร้างรายได้จากแหล่งอื่น ๆ เช่น โฆษณาและระบบซื้อขายในแอปพลิเคชัน (In-App Purchases) โดยอนุญาตให้ผู้ใช้ซื้อไอเท็มหรือฟีเจอร์พิเศษภายในแอปพลิเคชัน

  2. ราคาคงที่: คุณสามารถกำหนดราคาคงที่สำหรับแอปพลิเคชันของคุณ และขายในร้านค้าแอป สำหรับ iOS คุณสามารถเปิดให้ใช้งานราคาต้นทุนต่ำ (Freemium) และให้ผู้ใช้ซื้อแอปพลิเคชันหรือฟีเจอร์พิเศษ

  3. การรับจ่ายตามรอบ: แทนที่จะขายแอปพลิเคชันด้วยราคาคงที่ คุณสามารถให้ผู้ใช้สมัครสมาชิกหรือจ่ายค่าบริการในระยะเวลาที่กำหนด และจะเรียกเก็บเงินเป็นรอบ เช่นรายเดือนหรือรายปี

  4. การเสนอเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันเสริม: คุณสามารถเริ่มต้นด้วยเวอร์ชันแอปพลิเคชันฟรีและให้ผู้ใช้อัปเกรดเป็นเวอร์ชันเสริมที่มีค่าใช้จ่ายสำหรับฟีเจอร์เพิ่มเติมหรือประโยชน์พิเศษ

  5. การแจกฟรีและรายได้จากข้อมูล: แบบนี้คุณจะแจกแอปพลิเคชันฟรีและมุ่งเน้นรายได้จากข้อมูล คุณสามารถสร้างรายได้โดยการจำหน่ายข้อมูลหรือพื้นที่โฆษณาให้กับบริษัทที่สนใจ

  6. การติดตามรายได้และรายได้แบบสมัครสมาชิก: ให้คุณสามารถใช้รายได้จากโฆษณา การสมัครสมาชิก หรือรายการซื้อภายในแอปพลิเคชัน เช่น การสมัครสมาชิกสำหรับเนื้อหาพิเศษ

  7. การขายแอปพลิเคชันกับองค์กรหรือธุรกิจ: ถ้าคุณสร้างแอปพลิเคชันที่มีความหมายสำหรับองค์กรหรือธุรกิจ คุณสามารถขายแอปพลิเคชันนี้ตรงกับองค์กรหรือธุรกิจนั้น

  8. การประกาศสัญญาอ้างอิง (Sponsorship): คุณสามารถค้นหาผู้สนับสนุนที่สนใจให้เงินในการพัฒนาแอปพลิเคชันของคุณ และแลกกับการแสดงโฆษณาในแอปพลิเคชัน

ควรพิจารณาผู้ใช้เป้าหมายของคุณและการแข่งขันในตลาดเมื่อกำหนดราคาแอปพลิเคชันของคุณ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเรื่องราคาที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณและผู้ใช้ของคุณได้อย่างสมเหตุสมผล

stay in the loop

Subscribe for our latest update.