Internet of Things คือ อะไร​

Internet of Things หรือ IoT หรือ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง คือเครือข่ายของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อถึงกันโดยใช้อินเทอร์เน็ต อุปกรณ์เหล่านี้สามารถเป็นสิ่งของใดๆ ก็ได้ตั้งแต่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านไปจนถึงเครื่องจักรในโรงงาน IoT ช่วยให้อุปกรณ์เหล่านี้สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ ข้อมูลนี้สามารถใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ความปลอดภัย และประสบการณ์ของผู้ใช้

แนวคิด Internet of Things​

แนวคิด Internet of Things (IoT) คือการเชื่อมต่ออุปกรณ์และวัตถุต่าง ๆ ให้สามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อให้เกิดการควบคุมและจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งหวังเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันและเพิ่มประสิทธิภาพในงานต่าง ๆ โดยการเชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านี้ให้สามารถรวบรวมข้อมูลและส่งข้อมูลกลับไปยังศูนย์ควบคุมหรือเซิร์ฟเวอร์ในระยะเวลาเร็ว ๆ โดยมีการใช้อุปกรณ์เซนเซอร์ (sensors) เพื่อรวบรวมข้อมูลจากสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีการสื่อสารอินเทอร์เน็ตเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านี้

บางตัวอย่างของการประยุกต์ใช้ IoT ได้แก่

1. บ้านอัจฉริยะ (Smart Homes) : ผู้ใช้สามารถควบคุมและความคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ในบ้าน เช่น ไฟสว่าง, เครื่องปรับอากาศ, กล้องวงจรปิด, และอุปกรณ์ในครัว เผื่อทำให้ชีวิตประจำวันมีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น

2. การผลิตอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) : การใช้อุปกรณ์เซนเซอร์และระบบอัจฉริยะในกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์

3. สุขภาพและการดูแลสุขภาพ (Healthcare and Wellness) : ใช้เซนเซอร์และอุปกรณ์เครื่องมือที่เชื่อมต่อกันเพื่อติดตามสุขภาพและประสิทธิภาพทางการแพทย์, เช่น ติดตามการออกกำลังกาย, การตรวจวัดค่าความดันโลหิต, และการติดตามสุขภาพในระยะไกล.

4. การคมนาคมอัจฉริยะ (Smart Transportation) : การใช้อุปกรณ์ IoT เพื่อควบคุมการจราจรและขนส่งสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ, รวมถึงการพัฒนายานยนต์อัจฉริยะ (Smart Vehicles) และระบบการนำทางอัจฉริยะ (Smart Navigation)

5. เมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) : การใช้เทคโนโลยี IoT เพื่อจัดการและปรับปรุงการบริหารจัดการในเมือง ทำให้การให้บริการสาธารณะเป็นมากขึ้นและลดการใช้ทรัพยากรพลังงาน

6. การเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture) : การใช้ IoT เพื่อปรับปรุงการจัดการแปลงดิน, การเลี้ยงสัตว์, และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดความสูญเสีย

การประยุกต์ใช้ IoT มีศักยภาพในการเพิ่มความสะดวกสบาย, ประสิทธิภาพในการทำงาน, ลดค่าใช้จ่าย, และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม, การใช้ IoT ก็พบกับความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยข้อมูล

แล้ว Internet of Everything คืออะไร​

Internet of Everything (IoE) คือแนวคิดที่ขยายขอบเขตของ Internet of Things (IoT) ไปสู่การรวมอุปกรณ์ สถานที่ ระบบ และผู้คนเข้าด้วยกัน หมายความว่าอุปกรณ์ IoT จะสามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกับสิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากอุปกรณ์ IoT ด้วยกันเอง เช่น อุปกรณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง (physical world) ระบบคอมพิวเตอร์ และผู้คน

IoE ยังมีเป้าหมายที่จะรวมข้อมูลและบริการจากแหล่งต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น IoE สามารถใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศ สภาพการจราจร และสภาพอากาศจากแหล่งต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์ อุปกรณ์ IoT และแอพลิเคชันบนมือถือ จากนั้นนำข้อมูลเหล่านี้มารวมกันเพื่อแสดงข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้

Internet of Everything ทำอะไรได้บ้าง​

Internet of Everything หรือ IoE มีศักยภาพที่จะปฏิวัติหลายอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่างๆ ของชีวิตของเรา ตัวอย่างเช่น IoE สามารถใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ความปลอดภัย และการจัดการห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรม IoE สามารถใช้เพื่อปรับปรุงการดูแลสุขภาพและการแพทย์ส่วนบุคคลได้ IoE สามารถใช้เพื่อทำให้เมืองของเราปลอดภัยและประหยัดพลังงานมากขึ้น

ต่อไปนี้คือตัวอย่างการใช้งาน IoE บางส่วน

• สมาร์ทเมือง: IoE สามารถใช้เพื่อปรับปรุงความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และคุณภาพชีวิตในเมือง ตัวอย่างเช่น IoE สามารถใช้เพื่อควบคุมสัญญาณไฟจราจรและรถเมล์โดยอัตโนมัติ ตรวจสอบมลพิษ และแจ้งเตือนภัยธรรมชาติ

• อุตสาหกรรมอัจฉริยะ: IoE สามารถใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน ตัวอย่างเช่น IoE สามารถใช้เพื่อติดตามสถานะเครื่องจักร ตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ และกำหนดเส้นทางการจัดส่ง

• การดูแลสุขภาพ: IoE สามารถใช้เพื่อติดตามสุขภาพของผู้ป่วยและปรับปรุงผลลัพธ์การรักษา ตัวอย่างเช่น IoE สามารถใช้เพื่อติดตามสัญญาณชีพของผู้ป่วย ตรวจสอบการใช้ยา และให้การดูแลระยะไกล

• โลจิสติกส์: IoE สามารถใช้เพื่อติดตามสินค้าและปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดส่ง ตัวอย่างเช่น IoE สามารถใช้เพื่อติดตามตำแหน่งของสินค้า ตรวจสอบอุณหภูมิของสินค้า และจัดการความเสี่ยง