Category

VR และ AR กับการสร้างประสบการณ์ Customer Experience ที่แตกต่าง

พบกับบทบาทของ VR/AR ในการสร้าง CX ที่สมจริง ชวนลูกค้าสัมผัสประสบการณ์แบบใหม่ พร้อมตัวอย่างที่ช่วยให้แบรนด์ยกระดับการบริการ

Nov 5, 2024

Customer Experience ในยุคใหม่ด้วยเทคโนโลยี VR และ AR

การสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและดึงดูดใจลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่แบรนด์ในยุคดิจิทัลไม่อาจละเลย ในปัจจุบัน การมอบ Customer Experience ที่เป็นมากกว่าแค่การให้บริการแบบเดิม กลายเป็นความท้าทายที่บริษัทต่างๆ ต้องปรับตัว เทคโนโลยี VR (Virtual Reality) และ AR (Augmented Reality) ได้เข้ามามีบทบาทในกระบวนการนี้มากขึ้น โดยช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างประสบการณ์ที่สมจริงและน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งจะสร้างความประทับใจและช่วยให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์มากขึ้น

VR และ AR ไม่ใช่เพียงแค่เทคโนโลยีที่ใช้เพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังช่วยให้แบรนด์สามารถจำลองสถานการณ์หรือให้ลูกค้าได้สัมผัสสินค้าและบริการในรูปแบบใหม่ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามายังสถานที่จริง อีกทั้งยังช่วยสร้างความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์มากขึ้น ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น การนำเทคโนโลยีทั้งสองมาผนวกเข้ากับ CX จึงไม่เพียงแค่เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ แต่ยังเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างน่าทึ่ง

อย่างไรก็ตาม การนำ VR/AR มาใช้ใน Customer Experience ยังคงมีความท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย ความซับซ้อนของเทคโนโลยี และการทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้นเคยกับการใช้งาน เพื่อให้เทคโนโลยีนี้ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องมีการวางแผนและปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับการใช้ VR/AR ในการสร้าง CX ให้กับลูกค้า พร้อมกับตัวอย่างจากแบรนด์ชั้นนำที่ได้นำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


การใช้ VR/AR เพื่อสร้างประสบการณ์เสมือนจริงในการให้บริการ

VR/AR ได้เข้ามาช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างประสบการณ์ที่สมจริงและน่าจดจำให้กับลูกค้า VR ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสถานที่หรือทดลองสินค้าได้เหมือนกับอยู่ที่นั่นจริงๆ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ลูกค้าสามารถท่องไปในโรงแรมที่ต้องการเข้าพัก หรือเดินชมสถานที่ท่องเที่ยวผ่าน VR ก่อนตัดสินใจจองได้ ขณะเดียวกัน AR ช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับสินค้า โดยการแสดงผลสินค้าในสภาพแวดล้อมจริงผ่านกล้อง เช่น การจำลองเฟอร์นิเจอร์ในห้องนั่งเล่นของลูกค้าเอง

สำหรับแบรนด์แฟชั่นและความงาม AR ช่วยให้ลูกค้าทดลองผลิตภัณฑ์บนตัวเอง เช่น การลองสีลิปสติกหรือลองเสื้อผ้าผ่านกล้องมือถือได้โดยไม่ต้องแตะต้องสินค้า การใช้ VR/AR ทำให้การตัดสินใจซื้อของลูกค้าดีขึ้น เพราะได้เห็นภาพสินค้าหรือบริการในบริบทที่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด

การสร้างประสบการณ์แบบนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า และทำให้พวกเขารู้สึกพิเศษที่ได้สัมผัสสินค้าในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งยังสร้างการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างแบรนด์และลูกค้า ด้วยความรู้สึกประทับใจจากประสบการณ์ที่ได้ทดลองหรือใช้งาน VR/AR


ความท้าทายในการนำ VR/AR มาใช้ใน Customer Experience

แม้ว่า VR/AR จะช่วยสร้าง Customer Experience ที่น่าตื่นเต้น แต่การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ยังมีข้อจำกัดในด้านค่าใช้จ่ายที่สูง การติดตั้งและบำรุงรักษาอุปกรณ์เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างราบรื่นมักมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่อาจไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ง่ายๆ

อีกปัจจัยหนึ่งคือ ความคุ้นเคยของลูกค้าในการใช้งาน VR/AR บางครั้งลูกค้าอาจรู้สึกไม่สะดวกในการสวมใส่แว่น VR หรือการใช้งานแอปพลิเคชันที่รองรับ AR สำหรับบางกลุ่มลูกค้าที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี การใช้งานอาจกลายเป็นสิ่งที่ซับซ้อนและเป็นภาระ ซึ่งทำให้ประสบการณ์ใช้งานลดลงแทนที่จะเป็นการเสริมสร้าง

ในขณะเดียวกัน การผสมผสาน VR/AR เข้ากับบริการต้องอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้งานสะดวกสบายและสอดคล้องกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีทำให้การอัปเดตหรือการปรับปรุงให้ทันสมัยต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง


ตัวอย่างการใช้ VR/AR ในการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า

  1. IKEA

    IKEA ได้นำเทคโนโลยี AR มาพัฒนาแอปพลิเคชัน IKEA Place ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถจำลองการวางเฟอร์นิเจอร์ในห้องของตัวเองได้อย่างเสมือนจริง แอปนี้ทำให้ลูกค้าเห็นภาพสินค้าว่าจะเข้ากับพื้นที่และบรรยากาศของบ้านหรือไม่ โดยไม่ต้องออกจากบ้านหรือเสียเวลาในการลองผิดลองถูก นี่เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำ AR มาใช้เพื่อยกระดับ Customer Experience ทำให้การเลือกซื้อสินค้าเฟอร์นิเจอร์สะดวกและมั่นใจขึ้น


  2. Sephora

    แบรนด์เครื่องสำอาง Sephora ใช้ AR ในแอปพลิเคชัน Sephora Virtual Artist ซึ่งช่วยให้ลูกค้าทดลองสีลิปสติกหรือแต่งหน้าในแบบเสมือนจริงผ่านกล้องของสมาร์ทโฟน ลูกค้าสามารถเห็นภาพตนเองในลุคที่ต้องการก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งเป็นการสร้าง CX ที่สะดวกและน่าสนใจยิ่งขึ้น การใช้ AR นี้ช่วยลดความไม่แน่ใจของลูกค้าและเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อสินค้า


  3. Marriott Hotels

    โรงแรม Marriott นำเทคโนโลยี VR มาใช้สร้างทัวร์เสมือนจริงให้ลูกค้าสัมผัสบรรยากาศของห้องพัก ล็อบบี้ และสถานที่รอบๆ โรงแรมได้ก่อนการจอง การใช้ VR นี้ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นในคุณภาพของที่พักและบริการ ทั้งยังสร้าง Customer Experience ที่น่าจดจำและแตกต่างจากการจองโรงแรมแบบเดิม โดยช่วยให้ลูกค้ารู้สึกเสมือนอยู่ในสถานที่จริงก่อนการเดินทาง


สรุปเนื้อหาทั้งหมด

การนำเทคโนโลยี VR/AR มาสร้าง Customer Experience ในยุคดิจิทัล เป็นวิธีการที่ช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ในรูปแบบใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เทคโนโลยีนี้ทำให้ลูกค้าสัมผัสสินค้าและบริการได้ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง โดยไม่ต้องออกจากบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการทดลองวางเฟอร์นิเจอร์ผ่าน AR หรือลองเครื่องสำอางที่แสดงผลบนใบหน้าผ่านกล้องมือถือ VR/AR ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมและมั่นใจมากขึ้นในการเลือกซื้อสินค้า

อย่างไรก็ตาม การนำ VR/AR มาผนวกเข้ากับ CX ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ ทั้งในเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูง การปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ และการทำให้การใช้งานง่ายต่อกลุ่มลูกค้าทุกวัย แม้บางคนอาจรู้สึกไม่คุ้นเคยกับการใช้อุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันที่รองรับ VR/AR แต่หากธุรกิจสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ก็จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจและยกระดับ CX ไปอีกขั้น

จากตัวอย่างของ IKEA, Sephora และ Marriott Hotels ที่นำ VR/AR มาใช้ในการพัฒนาการบริการ พบว่าการสร้าง Customer Experience ที่ตอบโจทย์ลูกค้าช่วยให้แบรนด์เหล่านี้สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อ และช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า ทำให้ CX ของแบรนด์มีความโดดเด่นและเป็นที่น่าจดจำมากขึ้น

stay in the loop

Subscribe for our latest update.