Category
Bitcoin vs. Ethereum 6 ความแตกต่างที่สำคัญ
Bitcoin มุ่งเน้นเป็นสกุลเงินดิจิทัลสำหรับการแลกเปลี่ยนและการเก็บรักษามูลค่า ขณะที่ Ethereum มุ่งเน้นเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาและรันแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ ทั้ง Bitcoin และ Ethereum มีบทบาทสำคัญในวงการคริปโตเคอเรนซีและได้รับการยอมรับในวงกว้างในฐานะเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินและการพัฒนาแอปพลิเคชันในอนาคต
May 21, 2024
Bitcoin และ Ethereum
เป็นสองสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมและมีความสำคัญในวงการคริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency) โดยแต่ละสกุลเงินมีลักษณะเฉพาะและเป้าหมายที่แตกต่างกัน ดังนี้
Bitcoin (BTC)
การกำเนิด
Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกที่ถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลหรือกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า Satoshi Nakamoto ในปี 2009
วัตถุประสงค์
Bitcoin ถูกออกแบบให้เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถทำธุรกรรมแบบเพียร์ทูเพียร์ (peer-to-peer) ได้ โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางเช่นธนาคาร
การทำงาน
Bitcoin ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain) เพื่อบันทึกธุรกรรมในบล็อกที่เชื่อมต่อกัน ทุกธุรกรรมจะได้รับการยืนยันโดยผู้ขุด (miners) ผ่านกระบวนการที่เรียกว่าการขุด (mining)
ความปลอดภัย
ธุรกรรม Bitcoin ได้รับการรักษาความปลอดภัยโดยการเข้ารหัสและการกระจายศูนย์ ซึ่งทำให้ยากต่อการปลอมแปลง

Ethereum (ETH)
การกำเนิด
Ethereum ถูกพัฒนาโดย Vitalik Buterin และทีมงานอื่น ๆ เปิดตัวในปี 2015
วัตถุประสงค์
Ethereum ถูกออกแบบให้เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถเรียกใช้งานสัญญาอัจฉริยะ (smart contracts) และแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (decentralized applications หรือ DApps) ได้
การทำงาน
Ethereum ใช้บล็อกเชนเช่นเดียวกับ Bitcoin แต่มีฟังก์ชันเพิ่มเติมในการรันโค้ดที่เรียกว่า "สัญญาอัจฉริยะ" ซึ่งเป็นสัญญาที่ดำเนินการเองโดยอัตโนมัติเมื่อเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้าถูกตอบสนอง
ความยืดหยุ่น
Ethereum มีความยืดหยุ่นสูงกว่า Bitcoin ในการพัฒนาแอปพลิเคชันต่าง ๆ ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนและปรับแต่งได้ตามความต้องการ

Bitcoin vs. Ethereum : ความแตกต่างที่สำคัญ
Bitcoin และ Ethereum ต่างเป็นสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain) ในการทำงาน แต่มีความแตกต่างกันในหลายแง่มุม ดังนี้
1. จุดประสงค์
Bitcoin: ออกแบบมาเพื่อเป็น เงินดิจิทัล มุ่งเน้นไปที่การใช้งานเป็น สื่อกลางการแลกเปลี่ยน คล้ายกับเงินสด โดยมีเป้าหมายหลักคือ การกระจายอำนาจ หลุดพ้นจากระบบการเงินแบบดั้งเดิม
Ethereum: ออกแบบมาเป็น แพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ มุ่งเน้นไปที่การ สร้างแอปพลิเคชันบนบล็อกเชน (decentralized applications - dApps) โดยมีเป้าหมายหลักคือ การสร้างระบบนิเวศ ที่รองรับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่หลากหลายบนเครือข่าย
2. ฟังก์ชันการทำงาน
Bitcoin : รองรับธุรกรรมการโอนเงินเพียงอย่างเดียว
Ethereum : รองรับธุรกรรมการโอนเงิน การเขียนสัญญาอัจฉริยะ (smart contracts) และ การสร้างแอปพลิเคชันบนบล็อกเชน
3. เทคนิคการขุด
Bitcoin : ใช้ Proof of Work (PoW) miners แข่งขันกันแก้โจทย์คณิตศาสตร์เพื่อรับรางวัลเป็น Bitcoin ใหม่ วิธีนี้ใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก
Ethereum : กำลังเปลี่ยนจาก Proof of Work (PoW) ไปใช้ Proof of Stake (PoS) ผู้ใช้ staking เหรียญ Ethereum ของตนเพื่อรับรางวัล วิธีนี้ใช้พลังงานไฟฟ้า น้อยกว่า PoW มาก
4. ความเร็วในการทำธุรกรรม
Bitcoin : ช้ากว่า Ethereum โดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 10 นาทีต่อธุรกรรม
Ethereum : เร็วกว่า Bitcoin โดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 2 วินาทีต่อธุรกรรม
5. ค่าธรรมเนียม
Bitcoin : ค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับความแออัดของเครือข่าย โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 0.2% - 1% ของมูลค่าธุรกรรม
Ethereum : ค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของธุรกรรม โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 0.01% - 0.1% ของมูลค่าธุรกรรม
6. มูลค่าตลาด
Bitcoin : ใหญ่ที่สุดในตลาดคริปโต มูลค่าตลาด ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 2567 อยู่ที่ประมาณ 5.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
Ethereum : อันดับสองรองลงมาจาก Bitcoin มูลค่าตลาด ณ วันที่ 17 พฤษภาคม 2567 อยู่ที่ประมาณ 2.0 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
สรุปคือ
Bitcoin มุ่งเน้นเป็นสกุลเงินดิจิทัลสำหรับการแลกเปลี่ยนและการเก็บรักษามูลค่า ขณะที่ Ethereum มุ่งเน้นเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาและรันแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ ทั้ง Bitcoin และ Ethereum มีบทบาทสำคัญในวงการคริปโตเคอเรนซีและได้รับการยอมรับในวงกว้างในฐานะเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินและการพัฒนาแอปพลิเคชันในอนาคต
Latest articles
stay in the loop